Disable Preloader




พระธาตุอินทร์แขวน ดินแดนสวรรค์ บนพื้นดิน : ฉากที่ 2

แม้ว่าจะใกล้ค่ำเข้าไปทุกที แต่แสงสุดท้ายของวันนี้ ยังทอแสงสีทอง สาดส่ององค์ "พระธาตุอินทร์แขวน" ยิ่งทำให้เห็นสีทองเหลืองอร่าม น่าอัศจรรย์ด้วยแสงสีจากธรรมชาติ

ยังมีผู้คนที่มาสักการะกันอยู่เป็นจำนวนมาก ไม่เพียงแต่มานมัสการขอพรกัน

แต่ยังจะได้ชมความงดงามของธรรมชาติ ที่จะเรียกว่า ดินแดนสวรรค์ ได้อย่างไม่เคอะเขิน

นั่นพระสงฆ์และชาวบ้าน กำลังทำอะไรกัน

ตามมา เดี๋ยวพาไปดูเฉลย

แต่ละท่าน ต่างมาปิดทองคำเปลว ที่องค์พระธาตุนั่นเอง

ไม่ค่อยเห็นบ่อยนักในบ้านเรา

ถ้าเป็นบ้านเรา อาจเป็นการขูดเลขเด็ด แต่สำหรับความศรัทธาของชาวพม่านั้น ต้องขอบอกว่า เต็มเปี่ยมอย่างแท้จริง

 ความงดงามของทองคำแท้ สะท้อนจากแสงสุดท้ายของวันนี้ ยิ่งทำให้รู้สึกเป็นบุญตาที่ได้เห็น

อดไม่ได้ ที่จะขอบันทึกความทรงจำสุดประทับใจ ไว้มาชื่นชมและแบ่งปันกัน

รู้สึกอิ่มเอิบใจ อย่างบอกไม่ถูก ซึ่งเชื่อว่าทุกคนที่อยู่ตรงนั้น เต็มไปด้วยความสุข

ความสุขที่ได้เดินทางมาถึง ความสุขที่ได้ทำในสิ่งที่ตั้งใจ

ความสุขที่ได้อธิษฐานขอพรจากองค์พระธาตุ

ซึ่งวิธีในการอธิษฐานขอพรจากองค์พระธาตุอินทร์แขวน คือ ให้หน้าผากจรดองค์พระธาตุ แล้วอธิษฐานในสิ่งที่ปรารถนา

เป็นความงามที่ขอบรรยายด้วยภาพแทน

พระอาทิตย์ก็กำลังจะลาลับขอบฟ้า ซึ่งในคืนนี้ ก็ตั้งใจจะมาเก็บภาพบรรยากาศยามค่ำคืนอีกด้วย

ซึ่งตั้งใจจะเดินทางมา 3 ครั้ง จึงสบโอกาสด้วยการเดินมาทั้ง ช่วงเย็น, ช่วงค่ำ และ เช้ามืดวันพรุ่งนี้ จึงครบ 3 ครั้งพอดี ดังตั้งใจ

มองไปฝั่งตรงกันข้ามของดวงอาทิตย์ ก็ได้เห็นองค์พระธาตุและฟ้าสวย ขอเล่าถึงตำนานกันก่อน มีตำนานเล่าขานกันในสมัยพุทธกาลว่า ฤๅษีติสสะเป็นผู้หนึ่งที่ได้รับพระเกศาจากพระพุทธเจ้าที่ได้ทรงมอบให้ไว้เป็นตัวแทนของพระพุทธองค์ให้ประชาชนสักการะ เมื่อครั้นได้มาแสดงธรรมเทศนา ณ ดินแดนสุวรรณภูมิ ผู้ที่ได้รับมอบพระเกศาต่างก็นำไปบรรจุในสถูปเจดีย์ ส่วนฤๅษีติสสะกลับนำไปซ่อนไว้ในมวยผม เมื่อเวลาล่วงเลยถึงคราวที่ฤๅษีติสสะจะต้องละสังขารเต็มที เขาตั้งใจไว้ว่าจะนำพระเกศาไปบรรจุไว้ในก้อนหินที่มีรูปร่างคล้ายกับศีรษะของเขา ท้าวสักกเทวราช (พระอินทร์) จึงช่วยเสาะหาก้อนหินดังกล่าวจากใต้ท้องมหาสมุทรและนำมาวางหรือแขวนไว้บนภูเขาหิน

บางตำนานก็เล่าว่า มีฤๅษีองค์หนึ่งซ่อนพระเกศาที่ได้รับมาจากพระพุทธเจ้าเมื่อครั้นมาโปรดสัตว์ในถ้ำไว้ในมวยผมมาเป็นเวลานาน เมื่อใกล้ถึงวาระที่จะต้องละสังขารจึงตัดสินใจมอบพระเกศาให้กับพระเจ้าติสสะ กษัตริย์ผู้ครองนครแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นบุตรของลูกศิษย์ที่นำมาฝากให้ฤๅษีช่วยเลี้ยงดูตั้งแต่เล็ก แต่ก่อนอื่นพระเจ้าติสสะต้องหาก้อนหินที่มีลักษณะคล้ายศีรษะของฤๅษี โดยมีพระอินทร์เป็นผู้ช่วยค้นหาจากใต้สมุทรนำมาวางไว้ที่หน้าผา

เป็นภาพที่สวยงามจริงๆ และบรรยากาศการมาสวดมนต์ของพุทธศาสนิกชน

ยิ่งมุมนี้ ยิ่งย้ำให้แสดงถึง "ดินแดนสวรรค์ บนพื้นดิน" อย่างแท้จริง

ซึ่งจะมีผู้คนเดินทางมาสวดมนต์กันตลอดทั้งคืน

ได้เวลากลับไปที่โรงแรมก่อน เพราะมีนัดทานข้าวกัน เพราะนี่ก็ช้ากว่าเวลานัดเกือบ 30 นาทีแล้ว ก็จะยอมพลาดความงดงามแบบนี้ได้อย่างไร จริงมั้ย!

ความงามจากภาพสะท้อน ยิ่งทำให้งดงามเป็นสองเท่า

ไม่ทราบเหมือนกันว่า จะพบกับแสงสวยๆ แบบนี้ทุกวันหรือไม่ แต่คิดว่าคงเป็นเพราะตลอดวันนี้ มีฝนตกตลอดทาง ก่อนเดินทางขึ้นมาเมืองไจ้ก์โถ่ ซึ่งเป็นที่ตั้งของพระธาตุอินทร์แขวน อยู่บนยอดเขา Paung Laung เหนือระดับ น้ำทะเล 3,615 ฟุต  ซึ่งมีส่วนทำให้มีแสงสวยๆ แบบนี้ ซึ่งมักสังเกตจากฟ้าหลังฝน มักจะสวยงามเสมอ

ซึ่งโชคดีมากที่ไม่เจอฝนทั้ง 2 วันที่อยู่บนนี้ และอากาศก็เย็นสบายมากด้วย แถมตื่นเช้ามาชมทะเลหมอก ไว้จะนำภาพมาฝากใน ฉากต่อไป

เดินมาถึงระเบียงของโรงแรมแล้ว และคงต้องรีบเดินไปรับประทานอาหารกับเพื่อนร่วมทริปก่อน ไว้จะนำฉากที่ 3 มาฝากกันอีก มาติดตามต่อให้ได้นะ เร็วๆ นี้

แหล่งข้อมูล : วิกิพีเดีย และ อินเตอร์เน็ต