Disable Preloader




เมื่อฉันไปตามหา สิเรียม ไกลถึงประเทศพม่า

หากจะถามว่า ประเทศไหนที่ไปท่องเที่ยวแล้ว อยากกลับไปซ้ำอีก หนึ่งในคำตอบ คือ "พม่า" ดินแดนที่อุดมไปด้วยศิลปะวัฒนธรรม และธรรมชาติที่สมบูรณ์ ที่สำคัญคือ "ศรัทธา" ในพุทธศาสนา รวมทั้งอัธยาศัยไมตรีที่ดีของชาวพม่า

ซึ่งครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 ที่เดินทางมาประเทศพม่า ซึ่งโปรแกรมการท่องเที่ยวโดยส่วนใหญ่ จะเป็นวัดวาอาราม และหนึ่งในนั้น ก็คือ "เจดีย์เยเลพญา" หรือ "วัดเจดีย์กลางน้ำ" แห่งเมืองสิเรียม

ซึ่งจะต้องลงเรือเพื่อข้ามไปยังวัดซึ่งเป็นเกาะอยู่กลางแม่น้ำ ... ได้ยินชื่อ "สิเรียม" มานานแล้ว แต่ก็สงสัยว่า คืออะไร อยู่ที่ไหน จนกระทั่งได้มาศึกษาจากการท่องเที่ยว และได้มาสัมผัสอย่างใกล้ๆ ในครั้งนี้

พวกเราเตรียมธูปและดอกบัว เพื่อข้ามไปยังวัด โดยมีเรือมารอรับ

ดูแล้วไม่ไกลนัก ซึ่งเราโดยสารด้วยเรือขนาดย่อม

เพียงแค่แป๊ปเดียว ก็จะถึงวัดกันแล้ว

ขอบันทึกภาพจากบนเรือ มองเห็นบริเวณครบทั้งเกาะ ... "เจดีย์เยเลพญา" หรือ "เจดีย์กลางน้ำ" ตามตำนานเล่าว่า เจดีย์แห่งนี้สร้างในสมัยมอญเรืองอำนาจ เมื่อราวพันกว่าปีก่อน โดยมีคหบดีชาวมอญเป็นผู้สร้างและยังได้ตั้งจิตอธิษฐานว่า ถ้าน้ำท่วมก็ขออย่าให้ท่วมองค์พระเจดีย์ ถ้ามีผู้คนมากราบไหว้จำนวนมากเท่าไหร่ก็ขอให้ไม่มีวันเต็มล้นพื้นที่

เพราะเจดีย์แห่งนี้สร้างบนเกาะมีสภาพเป็นเพียงเกาะเล็กๆ กลางแม่น้ำกว้างใหญ่เท่านั้น และเจดีย์แห่งนี้ขึ้นชื่อในเรื่อง ไหว้พระขอพรทำธุรกิจทางการค้า จึงมีผู้คนเดินทางมากันมาก

เป็นที่น่าอัศจรรย์ใจมากๆ เพราะก่อนหน้านี้ไม่กี่นาที จะเห็นว่าท้องฟ้ามืดครึ้มคล้ายพายุฝนจะมา แต่พอพวกเรามาถึงบนเกาะ ท้องฟ้ากลับสวยงาม แดดจัด

ซึ่งไม่กี่นาทีก่อน ยังถอดใจเลยว่า คงไม่ได้ถ่ายรูปแน่ๆ เพราะฝนจะตก ทีไหนได้ ไม่มีสภาพฝนฟ้าครึ้ม แถมยังฟ้าสวยได้ใจ แดดแรงจัด ทำให้เห็นองค์เจดีย์เป็นสีทองเหลืองอร่ามอย่างที่เห็น

พวกเราก็มากราบพระขอพร ซึ่งองค์พระมีความงดงามมากจริงๆ

เป็นความรู้สึกชื่นชอบพระพม่าตรงที่ มีความงดงามอ่อนช้อย ใกล้เคียงกับมนุษย์อย่างมาก

และทุกวันที่เดินเข้ามา จะต้องเดินด้วยเท้าเปล่า จะมีความรู้สึกอิ่มใจและมีความสุขใจ

มาสักการะ "พระอุปคุต" หรือ "พระบัวเข็ม" ซึ่งชาวพม่า นับถือพระอุปคุตเถระกันเป็นจำนวนมาก จึงมีการสร้างรูปบูชาของท่านขึ้นมา เห็นได้จาก พระบูชาพระอุปคุต ที่มีศิลปะแบบพม่าอยู่มากมาย

มองออกไปนอกทางเดิน จะมองเห็นแม่น้ำ ซึ่งเมืองสิเรียมแห่งนี้ จะเป็นจุดบรรจบของแม่น้ำหงสา และแม่น้ำย่างกุ้ง ซึ่งในอดีตจะเป็นเมืองท่าที่สำคัญของชาวโปรตุเกส

ปัจจุบันเมือง "สิเรียม" เป็นเมืองอุตสาหกรรม ชาวเมืองส่วนใหญ่ทำงานในโรงกลั่นน้ำมันหรือไม่ก็เป็นลูกจ้างในโรงเบียร์ ประชากรส่วนมากเป็นชาวพม่าเชื้อชายอินเดีย เพราะในสมัยที่พม่าเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ "สิเรียม" เป็นศูนย์กลางของเมืองท่า และยังเป็นแหล่งผลิตอาหารส่งไปยังกรุง "ย่างกุ้ง" และอังกฤษต้องเกณฑ์แรงงานอินเดียมาทำนา แล้วพากันมาปักหลักทำมาหากินกันจวบจนทุกวันนี้

หลังจากไหว้พระเสร็จ พวกเราก็ออกไปถ่ายภาพความประทับใจ เก็บไว้เป็นที่ระลึกกัน

มีความละเอียดอ่อนช้อย สวยงามจริงๆ

เหลือทองอร่ามไปทั่ว

เมืองสิเรียมแห่งนี้ ไม่ไกลจากเมืองย่างกุ้ง โดยห่างเพียง 25 กิโลเมตรเท่านั้น

แอบบันทึกภาพชาวพม่า กำลังนั่งทานข้าวจากปิ่นโตกัน และชื่นชอบการที่แต่ละคนหิ้วปิ่นโตกันมา แล้วมาแบ่งปัน อิ่มอร่อยกันแบบนี้ ซึ่งวัฒนธรรมแบบนี้เลือนหายไปจากบ้านเราแล้ว

ลมเริ่มพัดแรง และฟ้าเริ่มมืด เป็นสัญญาณของเมฆฝนกำลังมา

พวกเราจึงต้องมาเตรียมความพร้อม รอลงเรือข้ามฟากกลับไปฝั่งด้านโน้น

มองเห็นเรือพาย ซึ่งเป็นเสน่ห์อย่างแท้จริง

แต่เรือของพวกเรา เป็นเรือเครื่องขนาดย่อม มารับแล้ว

มองย้อนกลับไป จะไม่ให้รู้สึกมหัศจรรย์ได้อย่างไร ครึ้มฟ้าครึ้มฝนอีกครั้ง ซึ่งแตกต่างจากช่วงที่เราอยู่บนวัดกลางน้ำ

แค่ไม่กี่นาที พวกเราก็กลับมายังฝั่ง ลองมองย้อนไปยังปากแม่น้ำ

ขอบคุณที่มาส่งพวกเรา ... เราจะกลับมาใช้บริการกันอีกอย่างแน่นอน

เป็นความทรงจำถึงความมหัศจรรย์ 2 บรรยากาศ

พอพวกเราขึ้นรถกันแล้ว ฝนก็เริ่มโปรยปราย ชุ่มฉ่ำ เหมือนได้รับน้ำมนต์เป็นสิริมงคลให้กลับมาทำหน้าที่การงาน ขยันขันแข็ง ร่ำรวยกันถ้วนหน้า