Disable Preloader




ใครๆ บอก "สิงคโปร์" ไม่มีอะไร แต่ฉันไปกลับร้อง โอ้โห

หลายต่อหลายครั้งที่มายังประเทศสิงคโปร์ มักจะหาโอกาสไปเดินเที่ยวสถานที่ใหม่ๆ ซึ่งมีเพิ่มเติมอยู่ตลอดเวลาก็ว่าได้ แม้จะมีพื้นที่ขนาดเล็ก แต่หลายสิ่งหลายอย่าง ก็ต้องทึ่งกับแนวคิดหรือการทำให้ประชาชนเขามีความสุขได้เหมือนกัน ในการนำธรรมชาติมาอยู่รอบตัว ภายใต้สโลแกน "Let's make Singapore our garden" และ "City in a garden"

เช้านี้จะพาไปเดินป่าในเมืองซักแห่ง ที่มีสัญลักษณ์ที่สร้างขึ้นใหม่ มืชื่อว่า "Henderson Waves" ซึ่งเดินทางได้สะดวกมาก โดยนั่งรถไฟใต้ดินมายังสถานี HarbourFront (NE1/CC29) เดืนมายังห้างสรรพสินค้าชื่อ VivoCity และมายืนรอรถเมล์สาย 145 ป้ายหน้าห้างพอดี

นั่งมาประมาณ 10 นาที ก็ถึง ให้สังเกตสะพานสูงๆ ที่พาดผ่านถนน Henderson และลงป้ายรถเมล์พอดี เดินข้ามถนนมาจะเจอบันไดทางขึ้น

เดินเรียกเหงื่ออีกประมาณ 10 นาที ก็จะมาถึงยังป้ายนี้ ... เดี๋ยวผมยืนรอต้อนรับ คอยพาชมแล้วกัน

มองเห็นทางเดินไม้ ทอดยาว 36 เมตร คล้ายลูกคลื่น

จะเห็นเกลียวคลื่นได้ชัดเจน หากมองจากข้างล่าง

ส่วนของเกลียวคลื่น ก็กลายมาเป็นกันสาดให้นั่งหลบแดดกันได้

สะพานแห่งนี้ ยังทำหน้าที่เชื่อมระหว่างพื้นที่ Mount Faber Park และ Telok Blangah Hill Park เข้าด้วยกัน

ด้วยความสูงถึง 69.59 เมตร ย่อมทำให้เห็นเมืองได้จากมุมสูง กลายเป็นสถานที่พักผ่อน แถมยังได้ถ่ายรูปจากมุมสูงอีกด้วย

มองเห็นตึกแปลกๆ สวยงามซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมระดับหรู แถมยังได้ชมบรรยากาศทะเลทางตอนใต้ของเกาะสิงค์โปร์อีกด้วย

ทำให้นึกไปถึง ตึกสวยๆ แปลกตาของ ดูไบ ที่มักจะเห็นผ่านจอ

ยังอยากจะเห็นตึกสวยๆ แปลกๆ ในบ้านเราบ้าง ซึ่งแค่รูปทรง ก็ทำให้บ้านเมืองดูทันสมัยในพริบตา

แต่สิงคโปร์ จะยังคงมีต้นไม้และทะเล ซึ่งทำให้ตึกดูสวยโดดเด่น แต่บ้านเราคงเป็นแค่ป่าคอนกรีตที่ดูแออัดไปหมด

ในบริเวณนี้ยังมีจุดน่าสนใจอีกมาก รวมทั้ง Alexandra Arch ซึ่งได้ชื่อว่า ประตูสู่ธรรมชาติ (Gateway to Nature) ซึ่งจะเชื่อมเส้นทางธรรมชาติของ Hilltop Walk และ Forest Walk โดยจะมีความน่าสนใจที่มีแสงไฟเปลี่ยนสีในช่วงกลางคืน จนถึง 24.00 น.

ในตอนแรกก็วางแผนทริปว่า จะไปเที่ยวชมอีกแห่งที่ The Treetop Walk

ซึ่งครั้งแรกที่เห็นภาพนี้ ต้องร้อง "โอ้โห" สิงคโปร์ก็มีแบบนี้ด้วยหรอเนี่ย!

สะพานแขวนที่มีความยาวถึง 250 เมตร ที่ขึงบนจุดสูงสุดบริเวณ Bukit Timah และ Central Catchment Nature Reserve (MacRitchie) โดยมีเส้นทางเดินชมธรรมชาติยาวถึง 6 กิโลเมตร ซึ่งต้องใช้เวลาถึง 2-3 ชั่วโมง ในการเดิน จึงต้องขอเก็บไว้ก่อน ค่อยมาพิชิตในทริปต่อไป เพราะเวลาคงไม่เพียงพอในทริปนี้ อาจต้องฟิตร่างกายมาให้พร้อมกว่านี้ ฮ่าๆๆ

สำหรับทริปนี้ ขอแค่ชิลชิลแบบนี้ก่อน กลัวจะไม่มีแรงเหลือเดินกินและช๊อปปิ้ง

น่าเสียดายที่ไม่มีอะไรแบบนี้ใน กรุงเทพฯ ไม่เช่นนั้น คงปั่นจักรยานไปเที่ยวได้บ่อยๆ

มองได้ว่า สิงคโปร์นั้นมีพื้นที่จำกัด ทรัพยากรธรรมชาติน้อยมาก แต่เขาเห็นคุณค่าและอนุรักษ์อย่างดี ผิดกับเราซึ่งมีมากจนคิดไปว่า "ยังเหลืออีกเยอะ" จนวันนี้ต้องบอกว่า "ไม่เหลือแล้ว" ไม่รู้จะต้องปลูกป่าอีกเท่าไร แต่ที่สำคัญ ต้องปลูกจิตสำนึกควบคู่ไปด้วย

อีกหน่อย รุ่นลูกหลาน อาจต้องดูต้นไม้ประดิษฐ์กันแทนแบบนี้

เรากลับมาที่ VivoCity เพื่อทานอาหารกลางวัน แต่อดไม่ได้ที่จะเดินชมบรรยากาศทางเดินริมทะเล

มองเห็น Sentosa อยู่ตรงข้าม และรถไฟฟ้า Sentosa Express กำลังแล่นไปมา ไว้จะนำบรรยากาศของ Universal Studios Singapore มาฝากกันต่อไป

เดินไปบนดาดฟ้าของห้าง VivoCity ก็ยังเห็นการใช้พื้นที่อย่างมีประโยชน์ ทั้งการใช้แอ่งน้ำและสวน ช่วยลดความร้อน แล้วยังเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจได้อีกด้วย จึงเป็นความสนุกอย่างหนึ่งของการเที่ยวไปทุกที่ ทำให้เราได้ศึกษาและทราบถึงแนวคิดของคนอื่นๆ นำมาปรับใช้กับเราได้บ้าง ได้ทั้งความเพลิดเพลินจากของจริงและได้ความรู้แถมไปด้วยทุกครั้ง