Disable Preloader




กลับไปอัพเดทสิงคโปร์ ในรอบ 10 ปี มีอะไรให้ประทับใจเยอะแยะ : ตอนที่ 1

หลังจากได้ข่าวการเปิดประเทศต่างๆ ทำให้รู้สึกอยากกลับมาเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ ซึ่งเห็นว่าเดือน ก.ค. 2565 มีวันหยุดยาว 5 วัน น่าจะหาโปรแกรมไปท่องเที่ยว นั่งค้นดูตั๋วเครื่องบินและลองชวนเพื่อนร่วมทริปว่า สนใจไปเที่ยวสิงคโปร์มั้ย ได้คำตอบว่า ไปซิ! ก็เลยลองค้นดูโรงแรม จากตั๋ว TG จำนวน 5 ใบ เหลือเพียง 3 ใน ภายใน 10 นาที ยิ่งเร่งให้ตัดสินใจกดจองให้ได้ก่อน ยังไม่ต้องมองเรื่องโปรแกรมการเดินทาง จึงขอมาสรุปรายละเอียดที่สำคัญก่อนการเดินทาง, เทคนิคการจองต่างๆ และเคล็ดลับ เผื่อเป็นข้อมูลให้ไปท่องเที่ยวกัน

ตั๋วเครื่องบิน

ลองค้นหาตารางการบินของสายการบินต่างๆ ขอฟันธงว่า ต้องบินด้วย การบินไทย (TG) เท่านั้น เพราะเวลาการบินทั้งขาไป และขากลับดีมาก เรียกได้ว่า เที่ยวได้เต็มที่ ไม่เสียเวลา แม้ว่าขาไป จะไปถึงสนามบินประมาณ ตี 4 กว่า ซึ่งในช่วงนี้ยังต้องเผื่อเวลาเช็คอิน 3-4 ชั่วโมง แต่ก็สะดวกในการเดินทาง รวมทั้งขากลับ ก็เช็คอินประมาณ 5 โมงเย็น ก็สะดวกเช่นกัน แต่ถ้าไปมองดูสายการบินอื่นๆ ตารางการเดินทางแล้ว ขอมองผ่าน ไม่ขอนำมาพิจารณาให้เสียเวลา อยากแนะนำให้จองผ่านเว็บช่วยจอง เช่น Expedia.com ช่วยให้สะดวก มีรีวิวและกดดูแผนที่ (เน้นใกล้สถานีรถไฟใต้ดิน) เปรียบเทียบราคา ดูรูปห้องพัก ซึ่งช่วยการตัดสินใจในการเลือกสายการบินและโรงแรมได้ดี อีกอย่างคือ การจองตั๋วเครื่องบิน รวมกับโรงแรม จะได้ราคาที่ดีกว่าการจองแยกกัน

รถเข็น (Wheel Chair)

เนื่องจากทริปนี้ต้องใช้รถเข็นด้วย การเดินทางด้วยสายการบิน Full Service น่าจะเหมาะที่สุด สำหรับการเดินทางจากไทย ไม่อนุญาตให้นำรถเข็นขึ้นเครื่อง จึงดำเนินการโหลดโดยใส่กระเป๋าจักรยานพับได้ และทางสายการบิน จัดเตรียมเจ้าหน้าที่เข็นรถเข็นผ่าน ต.ม. แต่สำหรับขากลับจาก สนามบินชางฮี มาสนามบินสุวรรณภูมิ สามารถใช้รถเข็นส่วนตัวมาถึงประตูเครื่องบิน ก่อนเจ้าหน้าที่นำเก็บให้ในเครื่องบิน ซึ่งการเดินทางด้วยรถเข็น จะได้รับการบริการแบบพิเศษ มีเจ้าหน้าที่นำรถเข็นมารับที่หน้าประตูเครื่องบิน พาไปผ่าน ตม. ในช่องทางพิเศษทั้งกลุ่ม ซึ่งใช้เวลาเพียง 15 นาที ก็ผ่านขั้นตอน สแกนนิ้วมือ และถ่ายภาพใบหน้า ก่อนออกมารับกระเป๋าที่สายพาน ซึ่งถ้าผ่านช่องทางปกติช่วงนี้ต้องใช้เวลาราว 1 - 2 ชั่วโมงเลยทีเดียว เนื่องจากนักท่องเที่ยวมากันเต็มลำ โดยเฉพาะคนไทยมาเที่ยวเยอะมาก

คำแนะนำสำคัญสำหรับรถเข็น ควรใช้รถเข็นขนาดกระทัดรัด ล้อขนาดกลาง แข็งแรง น้ำหนักเบา และอยากแนะนำยี่ห้อ Karma รุ่น Ergo Lite และกระเป๋าจักรยาน Dahon รุ่นฉลองครบรอบ 30 ปี ที่ใส่ได้พอดี เพราะเคยใช้เดินทางที่ ญี่ปุ่น และทริปนี้ สิงคโปร์ ขอยืนยันว่าดีมากๆ และอยากส่งเสริมการพาผู้สูงอายุที่เดินไกลแล้วเหนื่อย ไปออกเดินทางกัน ซึ่งสิงคโปร์ถือว่าสะดวกประมาณ 9/10 สำหรับการใช้รถเข็น แต่สำหรับญี่ปุ่นนั้น สะดวก 10 คะแนนเต็มเลย

บัตรเดบิต/บัตรแลกเงิน สำหรับการท่องเที่ยว

อยากแนะนำให้สมัครบัตรเดบิต ที่สามารถแลกเงินผ่านแอปเป็นสกุลเงินต่างๆ ได้ สมัครฟรีและไม่เสียค่าบริการรายปี โดยเฉพาะเราสามารถแลกเงิน สิงคโปร์ดอลลาร์ (SGD) ไว้ในบัตรไว้บ้าง เช่น 100 SGD ไว้สำหรับใช้จ่ายในร้านที่รับบัตรเครดิต และที่สำคัญคือ ใช้แตะจ่าย (Pay Wave) เพื่อใช้บริการรถสาธารณะอย่าง รถไฟใต้ดิน (MRT) และรถเมล์ ได้ทันที แทนการใช้บัตร EZLink ได้เลย พอสิ้นวันระบบจะสรุปยอดใช้จ่ายซึ่งสามารถเปิดดูผ่านแอปมือถือ และยังมีข้อความแจ้งเติอนการใช้จ่าย หากจำนวนเงินเหลือน้อยหรือไม่พอ เราก็สามารถแลกเงินบาทจากบัญชีที่เราผูกไว้เป็นเงิน SGD ได้ง่ายๆ ทันที นอกจากนี้ ยังสามารถกดเงินสดด้วยบัตรนี้จากตู้ ATM อีกด้วย

เงินสด

หากจะถามว่า ไม่พกเงินสดได้หรือไม่ ขอตอบว่า เงินสดยังมีความจำเป็นอยู่ เนื่องจากร้านอาหาร ร้านค้าเล็กๆ จะรับชำระด้วย เงินสด หรือ สแกนจ่าย ซึ่งเราไม่มีบัญชีธนาคารของสิงคโปร์ ทำให้เราอาจไม่สามารถใช้การสแกนจ่าย ดังนั้น ยังต้องจ่ายด้วยเงินสดอยู่ แต่ถ้าร้านไหนรับบัตรเครดิต เราสามารถใช้บัตรแตะจ่ายได้ทันที

ประกันการเดินทาง

มีความจำเป็นมากๆ หากเดินทางไปต่างประเทศ ที่เราต้องทำประกันการเดินทาง เผื่อเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด เพราะค่าใช้จ่ายสูงมาก ซึ่งมีเทคนิคช่วยให้ทำประกันการเดินทางได้ฟรี สำหรับผู้ที่มีบัตรเครดิตหรือใช้ บัตรเดบิต/บัตรแลกเงิน สำหรับการท่องเที่ยวชนิด VISA ที่แนะนำให้สมัครข้างต้นในการสมัครได้ด้วย

สำหรับแผนประกันเดินทางฟรี เอกสิทธิ์ผู้ถือบัตรวีซ่า สามารถลงทะเบียนรับสิทธิ์ที่ลิงก์นี้ https://www.cigna.co.th/visa

ซิมโทรศัพท์ (SIM)

สำหรับทริปการเดินทางไม่เกิน 5 วัน และคิดว่าใช้มือถือในการ โพสต์รูป ดูแผนที่ ค้นหาข้อมูลการเดินทางนั้น ใช้ข้อมูลไม่เกิน 5 GB ตลอดทริป อยากแนะนำให้เปิด Roaming ไปดีกว่า ไม่ต้องไปวุ่นวายหาซื้อ SIM เปลี่ยน SIM ให้ยุ่งยาก และยังเป็นเบอร์เดิม มีข้อแม้คือ อย่ารับสายที่โทรเข้า หากไม่ต้องการเสียค่าโทรศัพท์ระหว่างประเทศ และหากจะใช้โทรศัพท์ ก็สามารถโทรผ่าน WIFI Calling, LINE หรือ แอปสำหรับใช้โทรของค่ายมือถือที่เราใช้งานในไทย และอยากให้ลองสำรวจดูว่า แพคเกจโทรศัพท์รายเดือน ว่ามีให้ใช้ฟรีหรือไม่ หากมีจะต้องแจ้งเปิดใช้บริการ Data Roaming ไว้ก่อนด้วย

เมื่อเดินทางไปถึงประเทศสิงคโปร์เมื่อปิด Airplane/Flight Mode และต้องเปิด Data Roaming ก็จะมีสัญญาน 4G/5G พร้อมใช้งานได้ทันที ซึ่งสะดวกมาก ในระหว่างที่อยู่ที่โรงแรม ก็สามารถเปิดใช้ Free WIFI แทน เก็บปริมาณ Data ไว้ใช้ระหว่างวันแทน แค่นี้ก็มีเน็ตเหลือให้โพสต์รูปและเช็คอินตามสถานที่ต่างๆ ได้สบายๆ เหลือๆ

จากภาพซ้ายมือ จะเห็นว่าได้ปริมาณ 5 GB ที่ความเร็วสูงสุด แต่ถ้าใช้ครบแล้ว ยังสามารถใช้ได้ เพียงแต่ความเร็วจะลดลงเหลือเพียง 128 Kbps แม้จะช้า แต่ยังพอใช้สื่อสารได้

สำหรับประเทศสิงคโปร์ จะไม่ค่อยมีจุดชาร์จมือถือ สำหรับใครที่้ใช้งานหนักๆ โพสต์รูปรัวๆ แนะนำให้พกแบตสำรอง (Power Bank)ไว้ติดตัว เพราะสามารถเที่ยวตลอดวันถึงค่ำ มีโปรแกรมหรือกิจกรรม หลากหลายให้ได้ถ่ายรูปกัน

วัคซีนพาสปอร์ต (Vaccine Passport)

ถือเป็นเอกสารสำคัญที่ต้องมี นอกเหนือจากหนังสือเดินทาง (Passport) ซึ่งสามารถติดต่อขอที่เป็นชนิดเล่มสีเหลือง หรือ สามารถขอแบบไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ e-Vaccine Passport ได้ง่ายๆ ผ่านแอป หมอพร้อม ที่ติดตั้งในโทรศัพท์มือถือของเรา โดยสามารถกดเลือกที่เมนู โดยต้องมีเงื่อนไขจำนวนวัคซีน และชนิดวัคซีน ที่กำหนด ซึ่งต้องค้นหาข้อมูลดูก่อนเดินทางว่ามีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขหรือไม่ จากลิงก์นี้ https://www.visitsingapore.com/th_th/travel-guide-tips/travel-requirements/ แต่ที่ผ่านมาเป็นดังนี้

การเดินทางทั่วไป ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2565 เป็นต้นไป สิงคโปร์จะใช้มาตรการเฉพาะ โดยแยกระหว่างผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสและผู้ที่ได้รับวัคซีนไม่ครบโดส

สำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดส สิงคโปร์ต้อนรับนักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วทุกท่าน โดยไม่ต้องมีการขออนุมัติเข้าประเทศหรือการกักตัว เพียงแสดงผลการตรวจก่อนออกเดินทางที่เป็นลบเมื่อท่านมาถึง ซึ่งผู้ที่เดินทางเข้าประเทศสิงคโปร์ทางบกไม่จำเป็นต้องตรวจหาเชื้อก่อนเดินทางเข้าสิงคโปร์ *ผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วและเด็กอายุ 12 ปีและต่ำกว่าที่ยังได้รับวัคซีนไม่ครบโดสสามารถเดินทางเข้าประเทศสิงคโปร์ได้

เช็กลิสต์ก่อนออกเดินทาง รับหลักฐานการได้รับวัคซีนและอัปโหลดเอกสารรับรองการได้รับวัคซีนไปไว้ยัง พอร์ทัล Vaccination Check ซื้อตั๋วสำหรับเดินทางมาสิงคโปร์ ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน TraceTogether และลงทะเบียนสร้างโปรไฟล์ของท่าน 3 วันก่อนออกเดินทาง: ส่งข้อมูลบัตรเข้าประเทศสิงคโปร์ (SG Arrival Card) พร้อมกับคำแถลงสุขภาพแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-health declaration) ผ่านระบบบริการออนไลน์ที่เว็บไซต์สำนักงานและด่านตรวจคนเข้าเมืองสิงคโปร์ (Immigration & Checkpoints Authority: ICA) โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

สำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีนไม่ครบโดส ขณะนี้ ผู้เดินทางระยะสั้นที่ได้รับวัคซีนไม่ครบโดสยังไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าประเทศสิงคโปร์ ยกเว้นในกรณีที่ได้รับการอนุมัติอื่น ๆ (เช่น มีเหตุผลอันน่าเห็นอกเห็นใจ อย่างการเสียชีวิต หรือเจ็บป่วยรุนแรงของคนในครอบครัว)

เช็กลิสต์ก่อนออกเดินทาง ขออนุมัติเดินทางเข้าประเทศ: ส่งเอกสารการขออนุมัติที่นี่ 2 วันก่อนออกเดินทาง : ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี Polymerase Chain Reaction (PCR) หรือ Antigen Rapid Test (ART) ที่ได้รับการรับรองโดยสถานพยาบาล เมื่อเดินทางถึงสิงคโปร์: เข้ารับการกักตัว 7 วัน (Stay-Home Notice: SHN) ณ ที่พักที่ท่านจองล่วงหน้าไว้ หลังครบกำหนดกักตัว: ตรวจหาเชื้อด้วยวิธี PCR

และหลังจากที่กรอกข้อมูลและได้รับ ใบนัดหมาย ซึ่งกรณีที่เลือกแบบ e-Vaccine Passport จะได้รับมาทาง E-Mail เป็นไฟล์เอกสารแนบ หรือสามารถเปิดได้จากแอปหมอพร้อม หากได้รับแล้ว เพื่อใช้สำหรับอ้างอิงได้ ซึ่งการใช้สำหรับยื่นเอกสารเข้าประเทศสิงคโปร์ จะเป็นการแนบไฟล์เอกสารนี้ผ่านเว็บ ซึ่งจะแนะนำเป็นขั้นตอนถัดไป จากการเดินทางที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ ต.ม. ไม่ได้ขอดูเอกสารกระดาษหรือจากมือถือ คงเพราะเรามีการแนบไฟล์ต้องกรอกข้อมูลล่วงหน้าไปแล้ว

บัตรเข้าประเทศสิงคโปร์ (SG Arrival Card)

3 วันก่อนออกเดินทาง: ส่งข้อมูลบัตรเข้าประเทศสิงคโปร์ (SG Arrival Card) พร้อมกับคำแถลงสุขภาพแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-health declaration) ผ่านระบบบริการออนไลน์ที่เว็บไซต์สำนักงานและด่านตรวจคนเข้าเมืองสิงคโปร์ (Immigration & Checkpoints Authority: ICA) โดยไม่มีค่าใช้จ่าย (ข้อเน้นว่าไม่มีค่าใช้จ่าย เนื่องจากมีเว็บหลอกลวง และมีหลายคนหลงเข้าไป เสียเงินกันไปรายละ 70 SGD) โดย 3 วันก่อนบิน ต้องเข้าไปกรอกข้อมูลที่ https://eservices.ica.gov.sg/sgarrivalcard/ หากเดินทางเป็นกลุ่ม เช่น ไปกัน 3 คน ก็เข้าไปกรอกในชุดเดียวและกรอกข้อมูลของผู้ร่วมเดินทางทั้ง 3 คน รวมทั้งแนบไฟล์ e-Vaccine Passport และแนะนำให้พิมพ์ออกเป็นกระดาษด้วย เพราะสายการบินที่ไทย จะขอดูในการเช็คอิน ส่วนทาง ต.ม. สิงคโปร์จะเปิดดูจากหน้าจอ ให้สแกนลายนิ้วมือ และถ่ายภาพใบหน้า ก่อนเข้าประเทศและเริ่มท่องเที่ยวกันได้ตั้งแต่สนามบินเลยนะ ไว้มาติดตามจะสรุปจุดท่องเที่ยวที่ห้ามพลาด, ร้านอาหารอร่อย และเทคนิคต่างๆ เป็นต้น ไว้มาติดตามกันนะ