กว่า 25 ปีที่เคยมาแวะเปลี่ยนเครื่องที่สนามบินเมืองไทเป ซึ่งบินกลับจากอเมริกาก่อนกลับมายังกรุงเทพฯ ก็บอกกับตัวเองว่า จะหาโอกาสมาเที่ยวไต้หวัน แต่ทว่าเราก็ไปเที่ยว จีน, เกาหลี, ญี่ปุ่น และลืมไปเที่ยวไต้หวันไปเลย แต่พอปีที่แล้วได้ข่าวเรื่องฟรีวีซ่า ทำให้กระตุ้นนึกถึงประเทศไต้หวันขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากได้ลองเข้ากลุ่มเฟสบุ๊คแฟนเพจ "Travel Taiwan By Yourself เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเอง" ทำให้กระตุ้นทำให้อยากมาเที่ยวไต้หวันในแบบฉบับ "เที่ยวตามใจฉัน" โดยปักหมุดสถานที่ต่างๆ อยากไปเที่ยวใน Google Maps
พอเจอตั๋วโปรโมชั่นของ สายการบิน EVA ซึ่งลองเปรียบเทียบเวลาบินกับทุกๆ สายการบินแล้ว รู้สึกว่าเวลาบินดีมากๆ ซึ่งเช้าบินถึงไทเปเวลา 06:50 และวันกลับบินออกเวลา 21:10 ซึ่งลางานแค่ 3 วันแต่เที่ยวได้เต็มที่ 5 วัน แบบนี้ไม่ค้องใช้เวลาตัดสินใจอะไรมาก ก็เลือกจองผ่าน Expedia.co.th พร้อมโรงแรม ซึ่งได้ส่วนลด อีกทั้งยังมีโค๊ดโปรของบัตรเครดิตอีกด้วย ช่างดีงามเหลือเกิน สนุกในการจองละทีนี้ โดยวางแผนนอนโรงแรมใกล้ๆ กับสถานีรถไฟ Taipei Main Station เพราะเราจะมีการใช้รถไฟในการเดินทางทั้ง MRT ไปต่างเมือง, ใช้รถไฟ TRA ไปต่างจังหวัด ดังนั้น การนอนโรงแรมใกล้ๆ สถานีรถไฟนั้นมีความสะดวกมาก
ขึ้นเครื่องราวตี 2 เครื่องยังไม่ทันออกบิน ก็ถือโอกาสงีบหลับซะแล้ว รู้สึกว่านอนไปไม่นานนัก ก็รับประทานอาหาร โดยงงๆ กับตัวเอง นี่มันมื้อไหนเนี่ย เพราะทานตอนตี 3 กว่าๆ แต่ก็ดี ทานอิ่ม จิบไวน์แดงเพื่อมอมตัวเอง ก็หลับต่อ ตื่นเช้ามาเกือบถึงไทเป ก็รู้สึกว่าพร้อมท่องเที่ยวกันแล้ว เมื่อเครื่องลงเรียบร้อยก็เดินมาที่ ตม. เป็นคนแรก โดยยื่นแค่พาสปอร์ต เพราะทว่าได้ กรอกใบ ต.ม. ผ่านเว็บล่วงหน้าก่อนเดินทางแล้ว ถือว่าสะดวกมากๆ ก็ผ่านออกมารอรับกระเป๋าเดินทาง
มาดูแผนการเดินทางตลอดทั้ง 5 วัน เผื่อเป็นข้อมูลสำหรับผู้ที่อยากมาเที่ยวไต้หวันด้วยตัวเอง แบบอิสระตามใจตัวเองกัน โดยจะบอกวิธีการเดินทาง สถานีรถไฟฟ้า MRT พร้อมการต่อแต่ละสาย และสายรถเมล์ ซึ่งความสนุกของการเดินทางไม่เพียงแต่สิ่งที่ได้พบเจอระหว่างการเดินทาง แต่ทว่า การวางแผนการเดินทาง การตัดสินใจเลือกโรงแรม เลือกขบวนรถไฟและวิธีการเดินทาง ถือเป็นความสนุกด้วยเช่นกัน
โดยทริปนี้จะเที่ยวที่ ไทเป, ทางเหนือไปถึง เมืองท่า ตั้นสุ่ย และนั่งรถไฟไปเที่ยวทาง อี้หลาน และ ซูอ้าว โดยจะทยอยบันทึกเรื่องราวการเดินทาง เพื่อให้เป็นข้อมูลในการท่องเที่ยว และปักหมุดในแผนที่ เพื่อความสะดวกในการวางแผน รวมไปถึงการเปลี่ยนแผนระหว่างการเดินทางอีกด้วย
สิ่งแรกที่ต้องทำ คือ ซื้อตั๋วรถไฟด่วน (Taoyuan Airport MRT) ในราคา 160 NT เพื่อเดินทางเข้ามายังสถานี Taipei Main โดยจะมีให้เลือกทั้งแบบ Express (เร็วกว่าเพราะไม่ได้จอดทุกสถานี) และ Commuter (ช้ากว่าเพราะต้องจอดทุกสถานี) ดังนั้น เราจึงรอขึ้นขบวน Expresss ทั้งที่จ่ายในราคาเท่ากัน
เมื่อเดินทางมาถึง สถานี Taipei Main เราก็ทำการเติมเงินลงในบัตร Easy Card จากตู้ที่ให้บริการเติมเงิน ซึ่งเป็นบัตรมหัศจรรย์ที่ใช้แตะ เพื่อขึ้นรถไฟฟ้า MRT, รถเมล์ แม้กระทั่งซื้อของในร้าน Mini Mart ต่างๆ ข้อดีอีกอย่างคือ การใช้บัตร Easy Card เดินทางรถไฟฟ้า MRT ยังได้ลด 20% อีกด้วย ซึ่งเราเติมใบละ 500 NT ยังเหลือเกือบ 100 NT ตลอดการใช้งาน 5 วัน แสดงว่าค่ารถไฟฟ้าและรถเมล์ของไต้หวันนั้น ถูกมากเมื่อเทียบกับบ้านเรา
ผมเลือกพักที่ โรงแรม Diary of Taipei, Taipei Main Branch ซึ่งใกล้สถานีรถไฟทั้ง A1 Taipei Main, รถไฟฟ้า MRT Taipei Main Station (R12), สถานีรถไฟ THSR และ TRA อีกด้วย ทำให้ลากกระเป๋านิดเดียวก็มาถึงโรงแรม ซึ่งเรามาถึงเช้าคงยังไม่สามารถเช็คอินเข้าห้องพักได้ แต่ทว่าเราสามารถเช็คอินเพื่อฝากกระเป๋าเดินทางไว้ที่โรงแรม แล้วเริ่มเที่ยวได้ทันที
เดินผ่านร้านขายซาลาเปาร้อนๆ จึงขออุดหนุนเพื่อขอไออุ่นลดความหนาวลงบ้าง จึงมาแวะซื้อกาแฟนมในร้าน Family Mart ใกล้ๆ โรงแรมซะหน่อย ก่อนเดินทางไป พิพิธภัณท์พระราชวังแห่งชาติกู้กง (National Palace Museum, 國立故宮博物院) ซึ่งเดินไปขึ้นรถไฟฟ้า MRT เพื่อไปยังสถานีซื่อหลิน Shilin Station (R26) ออกประตู 1 เดินตรงอย่างเดียว จะเห็นร้านวัตสัน ขึ้นรถได้ที่ป้ายนี้ ส่วนรถเมล์ที่ไปจอดพิพิธภัณฑ์ ได้แก่ สาย R30, 304, 815 ค่าโดยสารรถเมล์ 15 NT โดยแตะตอนลงจากรถเมล์ ซึ่งแล่นมาสุดสายพอดี
พิพิธภัณท์พระราชวังแห่งชาติกู้กง (National Palace Museum, 國立故宮博物院) เป็นหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่ห้ามพลาดของเมืองไทเป ประเทศไต้หวัน ตั้งอยู่ชานเมืองตอนบนชิดริมเนินเขาของไทเป กินอาณาบริเวณกว้างขวาง มีโซนจัดแสดงหลักอยู่ในอาคารขนาดใหญ่ที่มีรูปแบบทางสถาปัตยกรรมที่งดงามตามแบบพระราชวังจีนโบราณ โดยมีผนังสีเหลืองและหลังคาเซรามิคสีเขียว สูง 4 ชั้น 1 อาคารและอีกสองโถงจัดนิทรรศการ ซึ่งมีการจัดแสดงสมบัติโบราณวัตถุและศิลปะต่างๆ ของชาวจีนอยู่มากกว่า 700,000 ชิ้นงาน ทำให้เป็นพิพิธภัณท์ที่มีการจัดแสดงโบราณวัตถุที่มากที่สุดในโลก
โบราณวัตถุต่างๆ ที่จัดแสดงอยู่ภายใน พิพิธภัณท์พระราชวังแห่งชาตินี้ ส่วนใหญ่ถูกนำมาจากในพระราชวังต้องห้าม (Forbidden City) ของเมืองปักกิ่งที่ถูกขนย้ายมาในช่วงสงครามกลางเมืองจีน ซึ่งถูกย้ายมาในช่วงที่เจียงไคเชก แพ้สงครามแล้วล่าถอยมาอยู่ที่เกาะไต้หวันแห่งนี้ ซึ่งภายในหลังมีการสร้างอาคารพิพิธภัณท์จัดแสดงขึ้นที่นี่ด้วย ซึ่งมีตั้งแต่วัตถุโบราณตั้งแต่ 10,000 ปีก่อน ยุค Neolithic มาจนถึงยุคราชวงศ์ฉิง (Qing Dynasty)
หลังจากซื้อบัตรเข้าชมในราคาใบละ 350 NT เราก็รีบเดินไปชมโบราณวัตถุชิ้นเอก 2 ชิ้นที่ตั้งใจมาชม คือ หยกผักกาดขาว (Jadeite Cabbage) และ หินหมูสามชั้น (Meat-shaped Stone) ซึ่งก็ไม่ผิดหวังที่ได้ชม หลังจากนั้นเราก็เดินชมในห้องต่างๆ ซึ่งแต่ละชิ้นต้องทึ่งในความงามและถามในใจว่า แกะสลักได้อย่างไร งานฝีมือชั้นยอดมากๆ แต่ละชิ้น
หลังจากเสพศิลป์ไว้เต็มตาแล้ว อิ่มเอมแล้ว แต่ทว่าท้องเริ่มหิวซะแล้ว ซึ่งเราวางแผนจะไปสวาปามซูชิและอาหารทะเลให้หนำใจในบ่ายวันนี้ ระหว่างเดินออกมาทางซุ้มประตู เราก็มองเห็นสวนข้างๆ ที่น่าจะห้ามพลาด จึงถือโอกาสใช้บัตรที่ชมพิพิธภัณฑ์ เพื่อเข้าไปชมสวนได้ฟรี ซึ่งก็มีสวนแบบจีน มีหงส์ดำที่ว่ายปรี่มาขอขนม และฝูงปลาคราฟ มาว่ายอวดสีสันอยู่ใกล้ๆ
มองไปไกลๆ เห็นต้นไม้สีชมพูเข้มทั้งต้น ก็แอบดีใจว่า ได้เห็นซากุระไต้หวันเป็นครั้งแรก แถมยังกำลังบานอย่างเต็มที่ จะอดไม่ได้ที่จะเก็บบันทึกภาพสีสันสดใสมาเก็บไว้ในความทรงจำ แม้ว่าจะมีเพียงต้นเดียว แต่ทว่าสีชมพูเข้ม ตัดกับสีท้องฟ้า ช่วยเพิ่มความสดใสอีกด้วย
จากนั้นก็รีบเดินมารอรถเมล์ เพื่อกลับมายังสถานีซื่อหลิน Shilin Station (R26) เพื่อเดินทางด้วยรถไฟฟ้า MRT ไปยังตลาดปลาไทเป (Taipei Fish Market, 台北魚市) ซึ่งเดินทางมาถึง สถานี Zhongshan Junior High School (BR12) ซึ่งก็เปิดแผนที่จาก Google Maps และระยะทาง 1.2 กิโลเมตร ก็ไม่ไกลหากจะเดินไป เพราะเดินผ่านสวนสาธารณะ และห้องแถวประมาณ 3 บล๊อก ก็ถึงแล้ว จึงตัดสินใจเดินไป
ตลาดปลาไทเป (Taipei Fish Market, 台北魚市) เป็นแหล่งรวมอาหารทะเลสดๆ ที่ใหญ่ที่สุดของไต้หวัน หรืออีกชื่อที่เรียกกันมาอย่างคุ้นหูว่า Addiction Aquatic Development หรือเรียกย่อๆ ว่า "ตลาด AAD" สถานที่แลนด์มาร์กอีกหนึ่งแห่งของไต้หวัน เปิดตัวอย่างเป็นทางการหลังจากการปรับปรุงพื้นที่ตลาดเดิมเมื่อปี ค.ศ. 2012 ซูเปอร์มาร์เก็ตสไตล์ญี่ปุ่นขนาดใหญ่อาณาจักรแห่งอาหารสดใหม่ทั้งของทะเล, ผัก, ผลไม้และขนมต่างๆ ที่จัดให้บริการเป็นโซนของแต่ละประเภทอาหารจำนวนมากมายภายใต้หลังคาเดียวกัน ทั้งนี้คุณสามารถเลือกของสดจากโซนต่างๆ มาให้ครัวในตลาดปลาปรุงสุกได้ตามใจชอบ รับประกันคุณภาพของอาหารและความสะอาดที่จะทำให้คุณลืมภาพตลาดสดแบบเดิมๆ ไปได้เลย ซึ่งก็เลือกซื้ออาหารแบบแพ๊คและออกมานั่งทานบริเวณที่นั่งที่ทางตลาด AAD จัดไว้ นั่งทานไป โต้ลมหนาวไป มันได้ฟิลจริงๆ
เรียกได้ว่า อิ่มจนพุงกาง สมดังตั้งใจว่าจะมาหม่ำซูชิและอาหารทะเลสดอร่อยกัน ซึ่งภายในตลาด AAD ยังมีส่วนร้านอาหารที่สั่งรับประทานและบาร์ได้ แต่ทว่าคนเยอะมาก เราไม่อยากรอคิวนาน เพราะตั้งใจจะไปปีนเขากันต่อในเย็นวันนี้ จึงตุนอาหารในพุงเพื่อไปปืนเขาให้ช่วยย่อยอาหารกัน
จากนั้นก็เดินกลับมาที่สถานี MRT เพื่อเดินทางมาต่อยัง สถานี Xiangshan (R02) ก่อนจะมืด อีกทั้งมีทีท่าว่าฝนจะตกอีกด้วย แต่ก็โชคดีที่ฝนยังไม่ลงเม็ด ทั้งที่มีเมฆลอยมาปกคลุมยอดตึก ไทเป 101
ตึกไทเป 101 (台北101) มีทั้งหมด 101 ชั้นตามชื่อและชั้นใต้ดินอีก 5 ชั้น ที่ชั้น 1-5 จะเป็นส่วนของห้างสรรพสินค้าที่ขายของแบรนด์เนม ร้านค้าร้านอาหารต่างๆ โดยที่ชั้น 5 จะมีเค้าเตอร์ขายตั๋วสำหรับขึ้นลิฟท์ไปยังจุดชมวิวที่ชั้น 89 ที่เรียกว่า Taipei 101 Observatory ซึ่งเป็นลิฟท์ที่ได้รับการลงเป็นสถิติว่าเร็วที่สุดในโลกโดยกินเนสส์เวิลด์เรคคอร์ด (Guinness Book World Records) ที่ความเร็ว 1,010 เมตรต่อนาที โดยภายในลิฟท์จะมีหน้าจอที่เพดานลิฟท์ทำเหมือนว่าเรากำลังพุ่งออกไปในอวกาศให้ชมระหว่างอยู่ในลิฟท์ด้วย ใช้เวลาไม่ถึง 1 นาทีก็ขึ้นมาถึงชั้น 89 ซึ่งเป็นชั้นชมวิวกว้างๆ อยู่ในอาคาร จากนี้จะมีบันไดให้เดินขึ้นไปที่ลานชมวิวกลางแจ้งที่ชั้น 91 ได้ด้วย และสามารถเดินลงที่ชั้น 88 เพื่อไปดูลูกตุ้มยักษ์ Wind Damper ที่ช่วยเรื่องการทรงตัวของตึกเมื่อรับมือกับแผ่นดินไหวและลมพายุ
รีบเดินจากสถานีเพื่อไปยัง เขาช้าง (Elephant Mountain) (象山) หรือ Xiangshan Hiking Trail เพราะจุดนี้จะเป็นจุดที่จะสามารถเห็นภาพมุมสูงของเมืองไทเป และความสวยงามของตึกไทเป 101 ซึ่งเป็นสถานที่ที่เหล่าบรรดานักท่องเที่ยวและช่างภาพต่างๆ มักจะมาเก็บภาพสวยๆ กัน ณ ที่แห่งนี้ ซึ่่งกว่าจะได้ภาพประทับใจในวันนี้ ยากมากๆ เพราะเมฆบังยอดตึกไทเป 101 ตลอดเวลา โชคดีเป็นของเรา มีช่วงที่พอเห็นยอด ก็เลยรีบกดถ่ายจากโทรศัพท์มือถือแบบรัวๆ ลมพัดเอื่อยๆ ฝนก็เริ่มจะโปรยปราย ด้วยความที่กลัวจะป่วยซะก่อน จึงเดินลงจากเขา เพื่อไปยังตึกไทเป 101 ไปหากอะไรดื่มให้ชื่นใจ เพราะซูชิและอาหารทะเล ยังไม่ขยับไปไหน ยังแน่นพุงอยู่ จึงดื่มชานมไข่มุกไปซักแก้ว ก่อนนั่งรถไฟฟ้า MRT กลับมายังสถานี Taipei Main และเดินออกทาง Exit Z10 เข้าสู่โรงแรมพักผ่อนเอาแรง ไว้ลุยกันต่อในวันพรุ่งนี้ ไว้มาตามกันต่อนะ
Camera : Samsung Galaxy S6, S7