Disable Preloader




Taiwan 2018#1 เที่ยวไต้หวันในแบบฉบับ "เที่ยวตามใจฉัน" - วันที่สอง

ก่อนจะเริ่มต้นการเดินทางในเช้าวันที่สองของทริป เราเติมพลังด้วยอาหารเช้าในโรงแรม ที่มีให้เลือกหลากหลาย ติดใจเมนู "ถั่วแระคลุกน้ำมันมะกอกกับกระเทียม" จานนี้ ก่อนที่จะเช็คเอ๊าท์จากโรงแรม เพื่อไปนอนค้างที่เมืองซินเป่ยโถว 北投溫泉 (Xin-Beitou) ซึ่งความจริงแล้วเมืองนี้ก็ไม่ไกลจากไทเป เพราะสามารถนั่งรถไฟฟ้า MRT ไปถึง แต่เราวางแผนที่จะไปเที่ยวกันต่อถึงเมืองท่าตั้นสุ่ย (淡水) ในวันถัดไป จึงไม่อยากย้อนไปมา อีกทั้งไฮไลท์ของโปรแกรมที่วางไว้อีกอย่าง คือ จะต้องไปแช่น้ำแร่แบบออนเซ็นในโรงแรมที่พักในคืนนี้

เทคนิคที่สำคัญในการวางแผนเที่ยวเอง คือ ต้องเลือกโรงแรมที่สามารถฝากกระเป๋าเดินทางได้ เพราะเราไม่ต้องลากกระเป๋าไปด้วยให้ยุ่งยาก จึงเช็คเอ๊าท์พร้อมทั้งแจ้งว่าจะกลับมาเช็คอินในวันพรุ่งนี้และฝากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ไว้ได้ด้วย เพราะในคืนที่ 3 และ 4 เรายังพักอยู่ที่ โรงแรม Diary of Taipei, Taipei Main Branch นี้ต่ออีก 2 คืน

เดินออกจากโรงแรมเลี้ยวซ้ายและข้ามถนน และเดินตรงไปยังสถานีรถไฟ Taipei Main Station (台北車站) ซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก เพื่อไปรับตั๋วรถไฟที่สั่งซื้อไว้ผ่านเว็บ railway.hinet.net ตั้งแต่อยู่ที่เมืองไทย ซึ่งอยากให้แน่ใจก่อนเดินทางว่า ได้ที่นั่งแน่นอน เพราะวันที่เราเดินทางเป็นวันอาทิตย์ เผื่อว่าคนไต้หวันเองอาจเดินทางกลับเข้าเมืองไทเปในช่วงเย็นวันอาทิตย์ อาจทำให้เราผิดแผนการเดินทาง ซึ่งการซื้อตั๋วทำได้ง่ายมากผ่านเว็บ และอยากบอกอีกอย่างว่า "ตั๋วรถไฟไต้หวัน ไม่แพง" ทำให้ความรู้สึกอยากท่องเที่ยวให้ทั่วไต้หวัน พุ่งพรวดขึ้นมาในทันทีในตอนที่จองตั๋วรถไฟ

อีกเหตุผล คือ การมาท่องเที่ยวไต้หวันครั้งแรก อยากลองเดินทางด้วยรถไฟดูบ้างว่า จะสะดวกสบายและยุ่งยากอย่างไร ซึ่งเส้นทางที่เลือกนี้ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ไปต่างจังหวัด และยังไปต่อรถไฟท้องถิ่น (Local Train) สำหรับทริปอื่นต่อไป จะได้ลองวิ่งยาวดูบ้าง ไว้จะมารีวิวพร้อมทั้งเทคนิคเรื่องการจองรถไฟในวันที่สี่ของการเดินทาง

แต่ก็อยากแนะนำสำหรับเพื่อนๆ ที่จะมาท่องเที่ยวไต้หวันด้วยตัวเอง ลองหาเมืองที่ต้องเดินทางด้วยรถไฟ ใส่ไว้ในโปรแกรมด้วย จะเพิ่มความสนุกในการท่องเที่ยว ชมวิวข้างทางไปด้วย อีกทั้งได้สัมผัสรถไฟแบบที่ยังไม่มีในบ้านเรา

วิธีการรับตั๋วรถไฟก็ไม่ยุ่งยาก เพียงแค่เราพิมพ์แบบฟอร์มนี้ จากเว็บที่เราสั่งซื้อภายหลังที่เราจ่ายผ่านบัตรเครดิตแล้ว โดยนำเอกสารนี้มายื่นที่เคาท์เตอร์ที่สถานีรถไฟ พร้อมกับเล่มพาสปอร์ต ก็จะได้รับตั๋วรถไฟมา โดยต้องมาแลกตั๋วไม่น้อยกว่า 30 นาที ก่อนที่จะเดินทางด้วยรถไฟขบวนนั้น

มาดูแผนที่กันซักนิด วันนี้เราจะเดินทางขึ้นไปทางเหนือตามเส้นทางรถไฟฟ้า MRT สายสีแดง เพื่อตรงไปยังเมืองเป่ยโถว 北投鎮 (Beitou) เริ่มจากสถานี Taipei Main Station (R12) ไปยังสถานี Beitou (R22) จากนั้นเราก็มาต่อรถไฟสายฟรุ้งฟริ้งลายการ์ตูน เพื่อแล่นต่อไปยังสายสีชมพูที่สถานี Xin-Beitou (R22A) เพียงสถานีเดียว ซึ่งจุดหมายคือ เมืองซินเป่ยโถว 北投溫泉 (Xin-Beitou)

เมืองซินเป่ยโถว 北投溫泉 (Xin-Beitou) เป็นย่านเมืองใหม่ของเป่ยโถวที่มีชื่อเสียงด้านบ่อน้ำพุร้อนตั้งอยู่แค่นอกเมืองไทเป สามารถนั่งรถไฟฟ้ามาได้ ใช้เวลาเพียง 30 นาทีเท่านั้น ทำให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวตากอากาศยอดนิยมของชาวไทเป บริเวณนี้จึงเต็มไปด้วยรีสอร์ทและสปาทั้งหลากหลายแบบตั้งแต่แบบบ้านๆ ไปจนถึงแบบหรูหรา มีทั้งห้องอาบน้ำสาธารณะ บ่อแช่เท้า ร้านน้ำชา คาเฟ่ และร้านอาหารต่างๆ ตั้งอยู่ท่ามกลางความสวยงามของธรรมชาติ เรียกได้ว่าเป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การพักผ่อนจริงๆ อีกทั้งนักท่องเที่ยวไม่เยอะมาก ให้ความรู้สึกสโลว์ไลฟ์และสงบที่แท้จริง พอมาถึงก็มองเห็นสัญลักษณ์ ออนเซ็น (Onsen) อยู่เต็มไปหมด ซึ่งได้มีโอกาสไปตามหาออนเซ็นหลายๆ แห่งในประเทศญี่ปุ่น จึงตั้งใจว่าจะมาตามหาออนเซ็นที่ไต้หวันดูบ้าง

พอเดินลงจากสถานีรถไฟ เราก็เริ่มเดินตาม ถนน 中山路 (Zhongshan Road) เข้าไปยังสวน ซึ่งมีลำธารน้ำร้อนไปตามทางเดิน เพื่อตรงไปยัง บ่อน้ำพุร้อน 地热谷 (Thermal Valley) แต่ระหว่างทางก็อดไม่ได้ที่จะแวะเที่ยวไปเรื่อยๆ จะผ่านโรงแรมอยู่มากมาย หน้าโรงแรมจะมีไอน้ำที่พวยพุ่งออกมาจากบ่อน้ำ เหมือนเรากำลังเดินผ่านห้องอบซาวน่าหรือซึ้งนึ่งซาลาเปา มีโรงแรมมากมายสมกับเป็นเมืองพักผ่อนอย่างแท้จริง และสิ่งที่สัมผัสได้ คือ ความรู้สึกที่เหมือนว่า กำลังเดินอยู่ในเมืองเล็กๆ ที่มีความเป็นญี่ปุ่นมาก

เดินตามลำธารไปเรื่อยๆ ก็จะพบกับ Taipei Public Library - Beitou Branch (台北市立圖書館-北投分館) เป็นห้องสมุดที่ติดอันดับ 1 ใน 25 ของห้องสมุดสวยที่สุดในโลก สร้างขึ้นในไป ค.ศ. 2006 โดยออกแบบเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และประหยัดพลังงาน เป็นอาคารแห่งแรกในไต้หวันที่ได้ใบรับรอง "Green Building" ซึ่งเดินเข้าไปชมบรรยากาศภายในเล็กน้อย ซึ่งก็มีผู้คนมาใช้บริการกัน และยังมีจุดออกไปนั่งชิลภายนอกระเบียงด้วย

จากนั้น เราก็รีบเดินไปยังจุดหมายแรก คือ บ่อน้ำพุร้อน 地热谷 (Thermal Valley) มีความคล้ายคลึงกับ บ่อนรกแห่งเมืองเบปปุ 別府 (Beppu) บนเกาะคิวชู ประเทศญี่ปุ่น เลยก็ว่าได้ ซึ่งวันนี้มองเห็นไอควันขาวฟุ้งกระจายหนามาก ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะมีฝนตกปรอยๆ ไปกระทำกับน้ำร้อนกลายไปเป็นไอน้ำหรือไม่ เพราะเคยดูรูปจากบางเว็บ ก็ไม่เห็นไอควันมากแบบนี้ และวันนี้ไม่มีกลิ่นกำมะถันเลย

จุดที่น่าสนใจอีกแห่ง คือ พิพิธภัณท์บ่อน้ำพุร้อน Beitou Hot Spring Museum (北投溫泉博物館) แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ปิดซ่อมแซม แต่มีเจ้าหน้าที่ของพิพิธภัณฑ์เดินมาหา และมอบแผ่นพับรายละเอียดให้ พร้อมทั้งบอกว่า จะเปิดให้บริการอีกครั้งราวเดือนตุลาคม 2561

เมืองซินเป่ยโถว 北投溫泉 (Xin-Beitou) เพิ่งถูกสร้างขึ้นในยุคที่ไต้หวันตกอยู่ภายในใต้อาณานิคมของญี่ปุ่นเท่านั้น ประมาณปี ค.ศ. 1900 ทำให้ในเมืองนี้จะมีบรรยากาศของความเป็นญี่ปุ่นหลงเหลืออยู่มากมาย เพราะอย่างที่ทราบกันว่าชาวญี่ปุ่นนั้นคลั่งไคล้ในการแช่ออนเซนหรือบ่อน้ำพุร้อนกันขนาดไหน สำหรับคนที่ชอบออนเซ็น (Onsen) และหลงรักญี่ปุ่น หากได้มาเยือนที่นี่ รับรองจะติดใจ

สำหรับใครที่อาจจะแค่ผ่านมา โดยไม่ได้พักที่เมืองเป่ยโถวแห่งนี้ แต่อยากแช่น้ำแร่ ก็มีทางเลือกอยู่เหมือนกัน สามารถจ่ายค่าบริการเพื่อเข้าไปแช่ในบางโรงแรมที่เปิดรับสำหรับแขกที่ไม่ได้พัก หรือมาแช่น้ำแร่กลางแจ้งมีทั้งหมด 6 บ่อภายใน Millennium Hot Springs (北投親水公園露天溫泉浴池) ซึ่งเป็นจุดให้บริการแช่น้ำแร่ สามารถใส่ชุดเพื่อแช่ได้

ยอมรับว่า ดูรีวิวโรงแรมเมืองนี้เยอะมากก่อนจะตัดสินใจเลือกจอง แต่ก็มาสะดุดกับโรงแรมชื่อญี่ปุ่น Atami Hotel Taipei Onsen ซึ่งมีบ่อแช่ที่ให้ความรู้สึกเหมือนการแช่ในประเทศญี่ปุ่น ในขณะที่โรงแรมอื่นๆ มักจะเป็นอ่างแช่ในห้องพัก ไหนๆ มาเที่ยวเมืองที่มีความคล้ายคลึงกับญี่ปุ่นทั้งที ขอบิ้วให้เต็มที่ รวมไปถึงขอหม่ำราเมงเป็นอาหารกลางวันอีกด้วย

อย่าพลาดมาหม่ำ มิโซะราเมง และ ไข่ลวกออนเซ็น ที่ ร้าน Manlai Hot Spring Ramen (滿來溫泉拉麵) คนไทยที่มาทานที่ร้านนี้แล้ว มักเรียกชื่อสั้นๆ ว่า "ราเมงเข้าคิว" ซึ่งต้องนั่งรอคิวหน้าร้านแค้ไม่นานนัก ก็ได้ลิ้มรสความอร่อย เครื่องแน่น ช่วยคลายหนาวได้อย่างชะงัก

หลังจากอิ่มอร่อยแล้ว ก็ถือโอกาสเดินย่อย ซึ่งใกล้ๆ กันนั้น ยังมี Plum Garden (北投梅庭) ซึ่งเป็นบ้านของ Yu Youren นักคัดลายมือ (Calligrapher) ในยุคประวัติศาสตร์จีนสมัยใหม่ ซึ่งได้พบกับต้นพลัม (Plum) ที่กำลังออกดอกสีขาวนั้น คือ ดอกบ๊วย (Plum Blossoms) อยู่เต็มต้น ซึ่งลูกของต้นพลัม คือ "ลูกไหน" และถ้าลูกไหนที่ตากแห้ง ก็จะเรียกว่า "ลูกพรุน" นั่นเอง (แอบสับสนอยู่หลายครั้ง หลากหลายชื่อจริงๆ)ใกล้ช่วงเย็นแล้ว ก็เดินข้ามลำธารจาก Plum Garden เพื่อไปเช็คอินเข้าโรงแรมก่อนจะเดินไปทานอาหารค่ำใกล้สถานีรถไฟฟ้า

ไหนๆ ก็ได้บรรยากาศญี่ปุ่นมาทั้งวันแล้ว ก็ขอหม่ำซูชิจากร้าน Sushi Express ในมื้อค่ำนี้ดีกว่า จานละ 30 NT (หรือ 33 บาท) ถือว่า "ถูกและดี ก็มีที่ซินเป่ยโถว" ทานไปคนละ 11 จาน อิ่มอร่อย พร้อมสำหรับการแช่ออนเซ็นในค่ำนี้

เรียกได้ว่า เมืองซินเป่ยโถว 北投溫泉 (Xin-Beitou) เป็นเมืองเล็กๆ ที่สงบ น่ารัก น่ามาพักผ่อน ในบรรยากาศคล้ายกับท่องเที่ยวในญี่ปุ่น แต่ทว่าใช้ค่าใช้จ่ายถูกกว่าเพียง 1 ใน 3 หากใครมาเที่ยวไทเป (Taipei) อยากให้ใส่ เมืองซินเป่ยโถว 北投溫泉 (Xin-Beitou) ไว้ในโปรแกรม รับรองไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน ... มาติดตามกันต่อในตอนต่อไปนะ

Camera : Samsung Galaxy S6, S7