เช้าวันนี้ตื่นมาพร้อมกันสายฝนที่ยังตกปรอยๆ แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคในการท่องเที่ยวแต่อย่างใด หลังจากรับประทานอาหารเช้าเช็คเอ๊าท์จากโรงแรม Atami Hotel Taipei Onsen และเดินไปยังสถานีรถไฟ Xin-Beitou (R22A) เพื่อกลับไปยังสถานี Beitou (R22) ระหว่างเดินไปสถานีรถไฟก็เจอต้นซากุระ ที่กำลังบานอยู่เพียงไม่กี่ดอก ทำให้วันนี้มีความหวังว่าเจอดอกซากุระบานตามแผนที่วางไว้เพราะอยู่ไม่ไกลจากเมืองนี้ เพราะเรากำลังจะเดินทางไปที่ วัดเทียนหยวนตันสุ่ย (天元宮)
เมื่อมาถึงสถานี Beitou (R22) ก็ออกที่ทางออก M2 และเดินต่อมายังสถานีรถบัสที่อยู่ติดกัน เพื่อมารอที่ป้ายรถเมล์สาย 875 และเปิด app ชื่อ BusTracker Taiwan และพิมพ์เลข 875 เพื่อดูว่ารถจะมาในเวลาใด จากภาพจะแสดงว่า รถอยู่ที่สถานีไหน และอีกกี่นาที จะแล่นมาถึงป้าย สถานี Beitou MRT Station
ด้วยความบังเอิญ แอดมินแฟนเพจ "Travel Taiwan By Yourself เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเอง" เข้ามาทักทายและกำลังจะเดินทางไปที่ วัดเทียนหยวนตันสุ่ย 天元宮 (Wuji Tianyuan Temple) เช่นกัน เพื่อไปถ่ายภาพดอกซากุระที่กำลังบานอยู่โซนหลังวัด ก็เลยได้เพื่อนร่วมทาง ได้พูดคุยและขอคำแนะนำจากแอดมินในการท่องเที่ยวในสถานที่ต่างๆ ของไต้หวันอีกด้วย
โหลด app ชื่อ BusTracker Taipei ไว้ในมือถือ ก็ได้ใช้งานแล้วตอนนี้ โดยกดที่ Routes และป้อนหมายเลขรถเมล์ 875 จากนั้นก็เลือกดูที่ To North New Zhuang และ To MRT Station โปรแกรมจะแสดงให้เห็นว่า ขณะนี้บัสอยู่ที่ป้ายใด และจะมาถึง Station ที่เราอยู่ในอีกกี่นาทีข้างหน้า ซึ่งสะดวกมาก ทำให้เราสามารถเดินเล่นซื้อขนมหรือไปสุขาได้ ก่อนกลับมาเข้าคิวรอขึ้นรถ
ยืนรอรถอยู่นานพอสมควร รถเมล์สาย 875 ก็เข้ามาเทียบชานชาลา เราก็ขึ้นรถและนั่งรถไปประมาณ 20 นาที พร้อมกับเปิด app ไว้ด้วย เพื่อให้รู้ว่าถึงป้าย Tianyuan Temple แล้วหรือยัง ซึ่งต้องลงรถที่สถานีนี้ (นอกจากสาย 875 แล้ว ยังมีสาย 866/875/876/877/893 ที่ผ่านป้ายวัดเทียนหยวนตันสุ่ยได้อีกด้วย และให้ลงที่สถานี Tianyuan Temple เช่นกัน ค่ารถอยู่ที่ 15 NT แต่เราก็ใช้ EasyCard 悠遊卡 แตะเพื่อจ่ายค่ารถ)
เมื่อลงที่ป้าย Tianyuan Temple ก็ลงรถและเดินผ่านร้าน 7-Eleven ก็จะมองเห็นทางเข้าวัดเทียนหยวนตันสุ่ย 天元宮 Wuji Tianyuan Temple ซึ่งเคยอ่านเจอว่า วัดแห่งนี้มีการปลูกต้นซากุระจำนวนมากไว้ทั้งบริเวณหน้าวัดและหลังวัด ซึ่งจะบานไม่พร้อมกัน จึงเก็บเป็นข้อมูลไว้ และทริปนี้ตั้งใจจะไปเที่ยวที่ เมืองท่าตันสุ่ย (淡水) ยังไงก็ต้องมาที่สถานีแห่งนี้
ซึ่งหนึ่งสัปดาห์ก่อนการเดินทาง ได้มีสมาชิกในเพจโพสต์ว่า "ได้เดินทางมาที่วัดแห่งนี้ แต่ทว่ายังไม่เห็นดอกซากุระบาน" จึงทำให้แอบหวั่นใจว่าจะมาเสียเที่ยวหรือไม่ และก็ตอบในเพจว่า "ยังไงก็จะมาเช็คอินที่วัดนี้ แม้ว่าซากุระยังไม่บานก็ตาม"
ซึ่งข้อมูลที่เคยอ่านเจอจะบอกว่า โซนหลังวัดเริ่มบานช่วงปลายเดือนมกราคม - กลางเดือนกุมภาพันธ์ ส่วนโซนหน้าวัด จะบานราวกลางเดือนมีนาคม - ต้นเดือนเมษายน พอเดินผ่านหอหรือเจดีย์ขนาดใหญ่ที่มีหลังคาสีส้ม ก็มองเห็นสีชมพูเต็มไปหมด นั่นแสดงว่า ดอกซากุระ บริเวณหลังวัดกำลังผลิบานอย่างเต็มที่ ทำให้รู้สึกตื่นเต้นมาก หยิบโทรศัพท์มือถือและกล้องถ่ายรูป มากดชัตเตอร์รัวๆ
แม้ว่าเราเดินทางมาราวเกือบเที่ยงๆ วันเสาร์ซึ่งเป็นวันหยุด แต่โชคดีมากๆ ที่ไม่ค่อยมีคน เพราะปกติแล้วหากเป็นช่วงดอกบานแบบนี้ จะมีคลื่นมหาชนเข้ามาเที่ยวชม ทำให้รถติดมากๆ ต้องใช้เวลากว่าจะเดินทางมาถึง และก็มีรถรับ-ส่งฟรี แต่คงไม่สามารถบันทึกภาพได้อย่างสะดวกสบายอย่างวันนี้
วัดเทียนหยวนตันสุ่ย 天元宮 (Wuji Tianyuan Temple) เป็นวัดเก่าแก่ของไต้หวัน ตั้งอยู่บนเนินเขาในเขตตันสุ่ย 淡水 (Tamsui หรือ Danshui) เขตนิวไทเป เอกลักษณ์สำคัญ คือ เจดีย์สูง 5 ชั้น ซึ่งตั้งตระหง่านอย่างสวยงาม มีลวดลายแบบจีนดั้งเดิมที่สวยงาม อีกทั้งยังรายล้อมไปด้วยต้นซากุระ และถือเป็นจุดยอดนิยมของการมาชมดอกซากุระของไต้หวันอีกจุดหนึ่งก็ว่าได้
หลังจากใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ซึ่งเปิด app เพื่อตรวจดูว่า รถเมล์สาย 875 จะมาเมื่อไร เพื่อกะเวลาเดินกลับออกจากวัดเพื่อมายืนรอที่ป้ายรถเมล์ เพื่อนั่งรถกลับไปยังสถานีรถไฟอีกครั้ง ซึ่งบ่ายวันนี้ยังมีโปรแกรมท่องเที่ยวในบริเวณ Tamsui Old Street (淡水老街) ซึ่งในวันเสาร์แบบนี้ จะมีผู้คนมาเที่ยวกันอย่างคึกคัก
ด้วยความที่มัวแต่เที่ยวชมซากุระตั้งแต่เที่ยงไปจนบ่ายสองกว่าๆ จึงทำให้รู้สึกว่า เห็นอะไรก็น่าหม่ำไปหมด ซึ่งเริ่มจากข้าวเหนืยวบ๊ะจ่างและซดน้ำซุปลูกชิ้นร้อนคล่องคอดีมาก จากนั้นก็ซื้อ เสี่ยวหลงเปา และปลาหมึกกระตอยสดๆ ลวกสุดพร้อมทานกับโชยุพร้อมวาซาบิ โดยเลือกนั่งบริเวณจุดชมวิวริมแม่น้ำ ซึ่งบริเวณนี้จะมีร้านค้าออกมาจำหน่ายอาหารต่างๆ ตั้งแต่ช่วงบ่ายยาวไปถึงเที่ยงคืนซึ่งเป็นเวลาของรถไฟฟ้า MRT เที่ยวสุดท้าย
สำหรับใครที่มาท่องเที่ยวไทเปและในบ่ายวันหยุดยังไม่มีโปรแกรมไปเที่ยวไหน อยากแนะนำให้มาเที่ยวที่ เมืองท่าตันสุ่ย (淡水) นอกจากจะได้บรรยากาศเย็นสบาย วิวสวยๆ แล้ว ยังได้อิ่มอร่อยอีกด้วย หลังจากอิ่มอร่อยเรียบร้อยแล้ว เราก็เดินไปท่องเที่ยวกันต่อตามทางเดินขนานไปกับแม่น้ำ
ไม่นานนัก เราก็เดินมาถึงจุดหมาย คือ ป้อมปราการ Fort San Domingo and Former British Consular Residence 紅毛城 (Hongmao Cheng) เป็นป้อมปราการที่ถูกสร้างขึ้นในช่วงปลายยุคราชวงศ์หมิง ซึ่งมีชนเผ่าพื้นเมืองอาศัยอยู่ ทว่าปี ค.ศ. 1628 ชาวสเปนเข้ามายึดครองและสร้างป้อมแห่งนี้ เพื่อป้องกันการรุกรานจากชาติอื่น แต่ในปี ค.ศ. 1629 ถูกชาวดัตซ์แล่นเรือผ่านมา เข้ามาขับไล่ชาวสเปนและยึดครองเมืองท่านี้แทน แต่ทว่ายึดครองไว้นาน 32 ปี จึงถูก นายพลเจิ้ง เฉินกง (Zheng Chengggong) ขับไล่ออกไปในปี ค.ศ. 1661 จึงเป็นหนึ่งในอาคารที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ลำดับแรกของไต้หวัน ภายในอาคารมีทั้งห้องครัว ห้องน้ำและคุก โดยตัวอาคารใช้วัสดุที่มีความแข็งแรงด้วยอิฐที่หนามาก สามารถป้องกันการทำลายของกระสุนปืนใหญ่ได้ และมีบ้านของกงสุลอังกฤษ อาคารถูกสร้างด้วยรูปแบบวิคตอเรีย โครงสร้างอิฐสีแดง หลังคาแหลม บันไดสูง ทางเข้าที่ปลูกด้วยแนวต้นสนตัดแต่ง มีสวนขนาดใหญ่เดินได้ชิลๆ สำหรับผู้ที่ี่ชื่นชอบประวัติศาสตร์ความเป็นมา ต้องห้ามพลาดเด็ดขาด
นอกจากนี้ ยังมีจุดท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมอีกแห่ง คือ ท่าเทียบเรือชาวประมงตันสุย (淡水漁人碼頭) Tamsui Fisherman’s Wharf ซึ่งท่าเทียบเรือแห่งนี้ มีลักษณะเป็นปากแม่น้ำตั้งอยู่ทางตอนเหนือของตำบลตันสุย (Tamsui District) เมืองนิวไทเป (New Taipei City) เป็นศูนย์กลางของการจัดส่งสินค้าและเขตการค้าสำคัญทางตอนเหนือของไต้หวันตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 ต่อมาได้รับการพัฒนาโดยรัฐบาลเมืองนิวไทเปให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวและพักผ่อนช่วงเย็นของชาวไต้หวัน ซึ่งได้เปิดตัวครั้งแรกในปี ค.ศ. 2001 จนกลายเป็นแหล่งรวมตัวทั้งของชาวเมืองและนักท่องเที่ยวจำนวนมากและเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในที่สุด
ต้องมาถ่ายภาพคู่กับแลนด์มาร์กสำคัญของท่าเรือแห่งนี้ คือ สะพานคู่รัก 情人橋 (Tamsui Lover's Bridge) สะพานสีขาว ความยาว 164.9 เมตร กว้าง 5 เมตร และมีการประดับไฟอีกด้วย
ซึ่งขามา เราใช้รถเมล์เพื่อเดินทางจากป้อมปราการ Fort San Domingo มายังท่าเทียบเรือชาวประมงตันสุย ดังนั้นขากลับ จึงขอนั่งเรือแทนเพื่อกลับไปท่าเรือตันสุ่ยในช่วงเย็น ซึ่งเป็นสถานที่ชมพระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าเหนือแม่น้ำตันสุย เก็บภาพความประทับใจไว้อย่างเต็มอิ่ม
จากนั้นเราก็เดินย้อนกลับมาที่สถานี Beitou (R22) เพื่อเดินทางกลับไปที่ โรงแรม Diary of Taipei, Taipei Main Branch ซึ่งเราฝากกระเป๋าใบใหญ่ไว้ แต่คืนนี้เราเช็คอินเพื่อพักค้างต่ออีก 2 คืน แต่ก่อนจะเดินทางกลับไปโรงแรม เราขอแวะไป ห้าง Carrefour Chung Xin Store (家樂福重新店) ที่ สถานี O16 Xianse Temple ซึ่งมี Outlet รองเท้าอยู่หลายยี่ห้อ แต่ไปดูแล้ว มีน้อยกว่าที่คาดไว้ จึงไม่ได้เสียตังส์แต่ก็ไม่เสียเที่ยวเพราะได้หม่ำ เกี้ยวซ่าและเกี้ยวน้ำ อร่อยๆ จากร้านแถวนั้น ระหว่างเดินกลับมาขึ้นรถไฟฟ้า MRT กลับมาที่สถานี Taipei Main Station (R12) และออกจาก Exit Z10 เดินอีกประมาณ 100 เมตร ก็ถึงโรงแรมที่พักแล้ว ก็ได้เวลาพักผ่อน เพื่อเติมพลังในการท่องเที่ยวในวันพรุ่งนี้ ซึ่งเป็นความตั้งใจที่จะไปแช่น้ำแร่เย็นและมีเพียง 2 แห่งในโลก ไว้มาติดตามบันทึกการเดินทางในวันต่อไปนะ
Camera : Samsung Galaxy S6, S7