Disable Preloader




พาไปดูพระอาทิตย์ตกดินที่ แหลมกรุงเทพฯ ใช่แล้ว กรุงเทพฯ ก็มีทะเล

ใช่แล้วแหละ! ไม่ได้พิมพ์ผิด "แหลมกรุงเทพฯ" จริงๆ แต่แอบล้อเลียนชื่อของ "แหลมพรหมเทพ" ที่ใครต่อใคร ต้องไปชมพระอาทิตย์ตกดิน หากได้ไปเยือนเมืองภูเก็ต

แต่ด้วยความรู้สึกใกล้เคียงกัน แต่ใกล้กว่ากันเยอะ แค่ขับรถจากใจกลางกรุงเทพฯ ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ก็มาถึงสถานที่นี้แล้ว

เตรียมลงเรือหางยาว พาไปยังโป๊ะกลางทะเลกรุงเทพฯ หรืออ่าวไทย

ซึ่งต้องนั่งเรือไปประมาณ 15 นาที

ด้วยบรรยากาศธรรมชาติสองข้างทาง ทำให้ทุกคนได้เพลิดเพลินในวันหยุดพักผ่อนได้อย่างดี รวมทั้งมีนกกระยาง และนกอื่นๆ บินว่อน

สองข้างทาง จะเป็นป่าโกงกาง ซึ่งทราบกันดีว่าเป็นแหล่งอาหารของสัตว์น้ำ และดีใจที่เห็นต้นโกงกางเกิดใหม่จำนวนมาก

มองย้อนกลับไป พระอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำลง แต่ก็ขอภาวนาให้ไปทันชมพระอาทิตย์ตกดิน หรือพระอาทิตย์ตกน้ำในวันนี้

มีแก๊งค์ "มะหมา" ... สี่ขานะครับ มายืนเรียงรายเมียงมอง เหมือนรอคอยทักทายผู้ผ่านไปมา

ฟองคลื่นจากเรือหางยาว ทำให้ภาพนี้เหมือนคลื่นซัดฝั่ง ครืนๆ

ไม่นานนัก เบื้องหน้าจะออกไปยังอ่าวไทย ... ทะเลกรุงเทพฯ ซึ่งเคยได้ยินมานานมาก ตั้งแต่เคยดูรายการ "ตามไปดู" น่าจะ 10 กว่าปีมาแล้ว ที่พาไปทำความรู้จักว่า "กรุงเทพฯ ก็มีทะเล" แต่ก็เพิ่งมาเที่ยวครั้งแรกในวันนี้

บรรยากาศชาวบ้าน อาศัยอยู่บริเวณนี้ พร้อมเรือประมง

ที่คงกลับจากการหาปลา

มองเห็นโป๊ะที่เราจะไปขึ้น เพื่อไปหม่ำอาหารเย็น อาหารทะเล และชื่นชมบรรยากาศทะเลของจริง

เรือลำนี้กำลังจะกลับ ... จะรีบไปไหน น่าจะรอชมพระอาทิตย์ตกดินก่อน

พวกเราก็เดินขึ้นโป๊ะได้อย่างเรียบร้อย สังเกตเห็นชาวต่างชาติอยู่หลายคนที่มาเที่ยว พวกเราชาวกรุงเทพฯ อย่าน้อยหน้าอยากให้มาเที่ยวกันบ้าง เพราะเราเป็นเจ้าบ้านแท้ๆ ยังไม่ได้แวะมาชมเลย

บรรยากาศยามเย็น ลมพัดเย็นสบาย

บริเวณทางเดิน จะเต็มไปด้วย นักท่องเที่ยวกำลังนั่งทานอาหารกัน

ไม่นึกว่า จะได้เห็นภาพแบบนี้ในกรุงเทพฯ ... "ฟ้าและท้องทะเล"

หลักเขตกรุงเทพฯ ตั้งอยู่กลางทะเลตรงนั้น เพื่อยืนยันว่า "ที่นี่ กรุงเทพฯ"

แต่ละโต๊ะที่เพิ่งมาถึง ก็เริ่มพลิกเมนูสั่งอาหารกัน

ขอทำหน้าที่เก็บภาพประทับใจมาฝากกันก่อน

พระอาทิตย์กำลังจะลาลับขอบฟ้า

หล่นปุ๊ลงอย่างรวดเร็ว

สร้างแสงสีให้ท้องฟ้าก่อนจะมืดสนิท

บรรยากาศโรแมนติคดีจัง ดูได้จากภาพต่อไปนี้

เสียดายที่น้ำไม่ฟ้าใสแบบมัลดีฟ แต่ยังไงก็สวยใส ใกล้กรุงเทพฯ

ดูท้องฟ้าซะก่อน ได้ใจมากๆ ในวันนี้

ได้ชื่นชมแสงสีธรรมชาติ

ไม่นานนัก การแสดงก็จบลง พร้อมด้วยความประทับใจไม่ลืมเลือน

จากแผนที่จากดาวเทียม จะเห็นได้ว่า เราอยู่ขอบแผนที่ประเทศไทย ติดกับอ่าวไทยพอดี อยู่ไม่ไกลจากเขตบางขุนเทียน หรือเรามักได้ยินชื่อ "ชายทะเลบางขุนเทียน"

ดูพิกัดของ GPS ได้เลย หากใครมีเครื่อง GPS หรือมือถือที่ใช้ GPS ได้ ก็กำหนดพิกัดแล้วมาเที่ยวกันได้เลย

สังเกตที่ระดับความสูงบอก -1.1 เมตร ซึ่งต่ำกว่าระดับน้ำทะเลอยู่ 1 เมตรกว่าๆ คงไม่แปลกที่เขาเตือนว่ากรุงเทพมีโอกาสน้ำท่วม อีกทั้งคลื่นลมแรงพัดเซาะชายฝั่งเข้ามาเรื่อยๆ ดีที่มีป่าโกงกางที่เป็นกำแพงธรรมชาติอยู่เต็มแนวจากแผนที่ดาวเทียม

ได้ทั้งความสุขจากการเที่ยวชมธรรมชาติในกรุงเทพฯ ที่แตกต่าง ได้เข้าใกล้ธรรมชาติ ได้เรียนรู้อะไรใหม่ แถมได้ลิ้มรสอาหารทะเล นี่ซิ! ความสุขใกล้ๆ ของคนกรุงเทพฯ ไม่ต้องไปไหนไกลให้เหนื่อย

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ของสถานที่แห่งนี้ http://www.bangkokseaview.com ซึ่งไม่ได้เป็นการโฆษณา แต่ขอทำหน้าที่คนกรุงเทพฯ อยากแนะนำคนกรุงเทพฯ ให้ลองมาเที่ยวใกล้ๆ กันบ้าง

อีกทั้งอยากให้ตระหนักถึงภาวะโลกร้อน ซึ่งไม่เห็นมีการสร้างแนวกันคลื่นแต่อย่างใด ในขณะที่ประเทศอื่นๆ เขาตื่นตัวกันเรื่องนี้อย่างมาก

เพราะเรามัวแต่แข่งขันกีฬาสีทุกปี ต่อเนื่องมาหลายปีแล้ว คิดต่างกันแต่เรื่องเล็กๆ จนไม่เวลาไปคิดอะไรที่เป็นเรื่องใหญ่ๆ ซึ่งภัยธรรมชาติทุกวันนี้ เริ่มรุนแรงขึ้นทุกปีและยากในการคาดเดา อาจไม่ถึงขั้นตื่นตระหนกจนเกินเหตุ แต่ก็ไม่ควรประมาทถึงกับไม่ทำอะไรเพื่อป้องกันภัยเลย

ยังเคยนึกเล่นๆ ว่า น่าจะทุบตึกร้าง หรือสิ่งก่อสร้างน่าเกลียดหลายๆ แห่งในกรุงเทพฯ ไปถมทะเลป้องกันคลื่นท่าจะดี อย่างน้อยยังได้ประโยชน์ และลดมลพิษทางสายตาไปได้บ้าง

มีเพื่อนอยู่ที่ "บ้านสาขลา" ที่ตั้งอยู่ในเขต ตำบลนาเกลืออำเภอพระสมุทรเจดีย์จังหวัดสมุทรปราการใกล้กับจุดนี้ซึ่งมีประวัติความเป็นมาตั้งแต่ราวสมัยอยุธยาตอนต้นและทำธุรกิจวังกุ้ง-วังปูโดยรับซื้อปูทะเลมาขุนเพื่อให้เนื้อแน่นส่งภัตตาคารที่ทานกันอย่างเอร็ดอร่อย ได้เล่าให้ฟังว่า "ตอนนี้น้ำทะเลกัดเซาะพื้นดินเข้ามาเร็วมากในแต่ละปี ซึ่งอีกไม่นานบ้านอาจจะต้องอยู่กลางทะเล" ถ้าเป็นเช่นนั้นใจกลางเมืองกรุงเทพฯ ต้องได้รับผลกระทบเราก็อาจจะต้องเตรียมรับมือกันได้แล้ว