เช้าวันที่ 23 ตุลาคม 2551 ก็เหมือนกับ "วันปิยมหาราช" ของทุกๆ ปี ที่จะมีการจัดเดินขบวน "รถจักรไอน้ำเที่ยวอยุธยา" ซึ่งเมื่อคืนเพิ่งนำภาพเก่าที่ถ่ายไว้เมื่อ 7 ปีที่แล้ว มาเขียนในเอนทรีก่อนหน้าเรื่องนี้ ทำให้ระลึกถึงรถไฟขบวนนี้ขึ้นมาอีกครั้ง จึงตั้งใจมาถ่ายภาพอีกในช่วงเช้า ... นั่งนึกดูว่า แล้วเราจะมองหามุมไหนดีในการบันทึกภาพไว้ ก็ได้มุมที่เห็นในภาพ คือ "สถานีรถไฟหลวงจิตรลดา"
"สถานีรถไฟหลวงจิตรลดา" ซึ่งสร้างขึ้นในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 เมื่อปี พ.ศ. 2464 ทดแทนสถานีรถไฟหลวงจิตรลดาหลังเดิมที่เป็นอาคารไม้ ที่สร้างมาตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5
สถานีนี้ก่อสร้างเป็นอาคารคอนกรีตชั้นเดียว สไตล์ยุโรป Italian Renaissance ตัวอาคารมีพื้นที่ 760 ตารางเมตร เสาอาคารมีลักษณะเป็นเสาคู่ ประดับครุฑพ่าห์ที่มุมทั้งสี่ของเพดาน ใช้สำหรับเป็นสถานีเมื่อมีการเสด็จฯ ทางรถไฟ เคยใช้เป็นสถานที่ต้อนรับพระราชอาคันตุกะด้วย เช่น สมเด็จพระนโรดมสีหนุ แห่งราชอาณาจักรกัมพูชา, สมเด็จพระเจ้าเฟรดดริคที่ 9 แห่งราชอาณาจักรเดนมาร์ก และรวมทั้งยังมี ประธานาธิบดีซูการ์โน แห่งประเทศอินโดนีเซีย
มองดูนาฬิกาผ่านเวลา 8 โมงตรง ก็เตรียมรอและสังเกตรถไฟขบวนนี้ได้ง่าย หากมองไปสุดทางรถไฟ เริ่มเห็นกลุ่มควันสีดำทมึนมาแต่ไกล แสดงว่ารถจักรไอน้ำขบวนนี้กำลังมาแล้ว ด้วยความตื่นเต้นและเตรียมใจชื่นชม พร้อมทั้งจะจัดวางตำแหน่งรถไฟที่กำลังแล่นมาด้วยความเร็วสูง ให้นำเสนอทั้งรถไฟทั้งขบวนและอาคารสถานีหลวงจิตรลดาให้ครบถ้วน จึงเป็นการยากแต่สนุกในการถ่ายภาพไปด้วย ทั้งต้องมีสมาธิ และการตัดสินใจในเสี้ยววินาที
รถไฟแล่นเข้ามาใกล้ยิ่งตื่นเต้นที่ได้พบเห็นรถไฟขบวนนี้อีกครั้ง รวมทั้งเสียงแหลมของหวูดรถจักรไอน้ำ หากใครได้ยินแล้ว จะจดจำไว้เป็นความประทับใจ และนึกถึงเสียงแบบนั้นในหูเราได้เสมอ ... นี่อาจเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่ทำให้ตามมาชื่นชม "รถจักรไอน้ำ" ได้ทุกครั้งที่มีการจัดเดินรถ และยังได้บันทึกภาพที่เป็นภาพประทับใจไว้อีกด้วย
ภาพแบบนี้คงเคยผ่านไปมาบ่อยครั้งในอดีต และยิ่งทำให้สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของ "พระปิยมหาราช" ล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 ของปวงชนชาวไทย ที่ทรงพระราชทานกิจการรถไฟไทย ซึ่งเป็นแนวทางที่ให้บ้านเมืองมีความเจริญก้าวหน้าและทันกับเหตุการณ์ เพื่อป้องกันมิให้ตกเป็นอาณานิคมต่างชาติ
เพียงไม่นานก็ผ่านไป เพื่อตรงไปยังจุดหมายปลายทาง คือ "อยุธยา" ... สำหรับผู้ที่อยากสัมผัสอาจติดตามจากข่าวประชาสัมพันธ์ของ การรถไฟแห่งประเทศไทย ในช่วงต้นเดือนตุลาคมของทุกปีหรือก่อนนั้น เพื่อซื้อตั๋วล่วงหน้า จะได้ไม่พลาดโอกาสสำคัญ
ตัวอย่างโปรแกรมการท่องเที่ยว คือ ขบวนรถจักรไอน้ำขบวนนี้จะออกจากสถานีกรุงเทพเวลา 08.00 น. และรับนักท่องเที่ยวที่สถานีสามเสน, สถานีชุมทางบางซื่อ 1, สถานีบางเขน, สถานีหลักสี่ และสถานีดอนเมือง ถึงสถานีอยุธยาเวลา 10.10 น. เมื่อถึงสถานีอยุธยาแล้ว จะมีรถยนต์โดยสารมารอรับนักท่องเที่ยว เพื่อนำนักท่องเที่ยวไปชมสถานที่สำคัญๆ ของตัวเมืองอยุธยา
อาทิ "วัดพุทไธสวรรย์" เพื่อสักการะพระบรมราชาอนุสาวรีย์ พระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา 3 พระองค์ ได้แก่ พระเจ้าอู่ทอง สมเด็จพระนเรศวรมหาราช และสมเด็จพระเอกาทศรถ จากนั้นเดินทางไปนมัสการ พระนอน บูชาราหู ชมเจดีย์สิงห์ล้อม ซึ่งเป็นศิลปะร่วมสมัยกับล้านนาที่ "วัดธรรมมิกราช" แล้วเดินทางต่อไป "วัดหน้าพระเมรุ" นมัสการพระพุทธรูปทรงเครื่องที่งดงามที่สุด หลังจากนั้นไปที่ "วัดมหาธาตุ" เพื่อชม Unseen in Thailand เศียรพระพุทธรูปอยู่ในรากไม้ ส่วนเที่ยวกลับรถจักรไอน้ำพิเศษ จะออกจากสถานีอยุธยาเวลา 17.25 น. ถึงกรุงเทพเวลา 19.20 น.
วันนี้ได้รับความประทับใจทั้ง "รถจักรไอน้ำ" นับได้ว่าเป็นมรดกของคนไทยทุกคน และยังได้มีโอกาสได้มาชม "สถานีรถไฟหลวงจิตรลดา" ซึ่งเคยผ่านไปมาหลายๆ ครั้ง แต่ยังไม่เคยเข้ามาใกล้หรือมาเก็บบันทึกภาพ และเมื่อได้ค้นคว้าถึงประวัติความเป็นมา จึงเพิ่งทราบว่าสร้างมาตั้งแต่รัชสมัยของ พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 แล้ว เรียกได้ว่า ได้รับความประทับใจถึงสองสิ่ง และถือเป็น Unseen in Bangkok ได้อีกด้วย
แหล่งข้อมูล : การรถไฟแห่งประเทศไทย, วิกิพีเดียกล้อง : Canon PowerShot A620