Disable Preloader




น่าอัศจรรย์ใจ พระอาทิตย์ทรงกลดดวงใหญ่ ที่วัดไชยวัฒนาราม

หลังจากที่เราเดินทางมาถึงอยุธยาด้วยรถจักรไอน้ำ พวกเราก็ใช้บริการเหมารถสามล้อ หรือรถกบเคโระสีเขียวจากเอนทรีที่แล้ว เพื่อไปยัง "วัดไชยวัฒนาราม" ไม่นานนักเราก็เดินทางมาถึง ... ซื้อบัตรค่าบำรุงสถานที่กันคนละ 10 บาท ก่อนเข้าไปเที่ยวชม

ท้องฟ้าวันนี้สวยได้ใจเหมาะแก่การถ่ายภาพ แม้ว่าจะร้อนไปซักหน่อย เพื่อนคนหนึ่งตะโกนบอกมาว่า "มองขึ้นไปข้างบนซิ ... พระอาทิตย์ทรงกลด"

โอ้ว ... ว้าว! ไม่เคยถ่ายภาพพระอาทิตย์ทรงกลดเลย ต้องหาจุดเหมาะ จะได้รู้ว่ากำลังบันทึกภาพอยู่ในโบราณสถานพร้อมกับพระอาทิตย์ทรงกลด

มาทำความรู้จักกับปรากฏการณ์พระอาทิตย์ทรงกลด (Sun halo) มีลักษณะเป็นภาพสะท้อนพระอาทิตย์หลายๆ ดวงซ้อนกัน มีขนาดโตกว่าปกติ มีรัศมีสีรุ้งโดยรอบ ดวงที่อยู่ตรงกลางมีความสดใสมากที่สุด

ปรากฏการณ์พระอาทิตย์ทรงกลด เกิดขึ้นจากบรรยากาศของโลกในชั้นโทรโพสเฟียร์ (Troposphere) ซึ่งเป็นบรรยากาศชั้นล่างสุด และเป็นที่อยู่ของกลุ่มเมฆจำนวนมาก มีอากาศเย็นจัดตั้งแต่ช่วงเช้าตรู่ก่อนดวงอาทิตย์ขึ้น จนทำให้ละอองน้ำในอากาศ ณ เวลานั้นๆ แข็งตัวเป็นเกล็ดน้ำแข็งอนุภาคเล็กๆ จำนวนมหาศาลลอยอยู่บนท้องฟ้า เมื่อพระอาทิตย์ขึ้น และส่องแสงทำมุมกับเกล็ดน้ำแข็งได้อย่างเหมาะสม จะเกิดการหักเหและการสะท้อนของแสง ทำให้เกิดเป็นแถบสีรุ้ง (sprectrum) คล้ายการเกิดรุ้งกินน้ำหลังฝนตกขึ้น

ส่วนแสงสีที่ตามองเห็นนั้น จะขึ้นกับการทำมุมของแสงอาทิตย์และเกล็ดน้ำแข็ง แต่โดยทั่วไปเรามักจะเห็นเป็นแสงสีเหลืองอ่อนๆ มากที่สุด ถ้าเกิดจากการสะท้อนของแสงจะปรากฏเป็นสีเขียว แต่ถ้าเกิดจากการหักเหของแสงจะเป็นสีแดงเพลิงในตอนกลาง และเป็นสีน้ำเงินปนแดงตามขอบนอก

ขนาดของพระอาทิตย์ทรงกลดจะมีขนาดแตกต่างกันออกไป แต่ส่วนมากจะมีขนาดเฉลี่ย 30 องศา โดยการลากเส้นตรง 2 เส้น มาบรรจบกันที่ดวงตาผู้มอง ได้แก่ เส้นตรงที่ลากจากกึ่งกลางของปรากฏการณ์มาที่ตาผู้มอง และเส้นตรงที่ลากจากขอบของปรากฏการณ์มาที่ดวงตาผู้มอง

บางครั้งเกล็ดน้ำแข็งของละอองไอน้ำเหล่านี้ จะทำหน้าที่หักเหทางเดินของแสงอาทิตย์ และก่อให้เกิดภาพขยายขึ้น เช่นเดียวกับที่กระจกหรือเลนส์นูนทำให้เกิดภาพขยาย

พยายามหามุม ซึ่งภาพนี้ดูคล้ายกับการเปล่งรัศมีจากเศียรขององค์พระพุทธรูป ... สาธุ

ด้วยความซุกซนอยากได้ภาพมุมสูงจึงขอเดินขึ้นไปบริเวณข้างบน

ได้ภาพจากมุมสูงจนพอใจ อ้าว! มองลงไปข้างล่าง บันไดแต่ละขั้นก็ทั้งเล็กทั้งชัน แล้วจะลงอย่างไงล่ะเนี่ย

ลงมาได้แล้ว ... เพื่อนๆ ให้อภัยแล้ว

มีนักศึกษาหลายๆ คนที่มานั่งสเก๊ตภาพกัน ต้องขอชื่นชมเพราะอากาศร้อนมาก แต่ก็ใจเย็นเก็บรายละเอียดได้ดี ... แต่ไม่ใช้นักศึกษาคนนี้นะ ที่แอ๊บ! เป็นจิตรกร

ครั้งแรกที่ได้เห็นการถ่ายแบบท่ามกลางพระอาทิตย์ทรงกลด

ต้องขอโอกาสนี้นำเรื่องราวประวัติของวัดแห่งนี้มาเผยแพร่อีกทางหนึ่ง ... "วัดไชยวัฒนาราม" ได้สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2173 โดยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง พระองค์ทรงโปรดเกล้าฯให้สร้างขึ้นบนที่ที่เป็นบ้านเดิมของพระองค์เพื่ออุทิศพระราชกุศลถวายพระราชมารดา แต่ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงสันนิษฐานว่าวัดนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะเหนือนครละแวกโดยจำลองแบบมาจากปราสาทนครวัด

"วัดไชยวัฒนาราม" มีปรางค์ประธานและปรางค์มุมอยู่บนฐานเดียวกัน พระปรางค์ประธานนำรูปแบบของพระปรางค์สมัยอยุธยาตอนต้นมาก่อสร้าง แต่ปรางค์ประธานที่วัดไชยวัฒนารามทำมุขทิศยื่นออกมามากกว่า บนยอดองค์พระปรางค์ใหญ่อาจเคยประดิษฐานพระเจดีย์ขนาดเล็ก สื่อถึงพระเจดีย์จุฬามณีบนยอดเขาพระสุเมรุ รอบพระปรางค์ใหญ่ล้อมรอบไปด้วยระเบียงคตที่เดิมนั้นมีหลังคา ภายในระเบียงคตประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัยที่เคยลงรักปิดทองจำนวน 120 องค์ เป็นเสมือนกำแพงเขตศักดิ์สิทธิ์ ตามแนวระเบียงคตตรงทิศทั้งแปดสร้างเมรุทิศ และ เมรุมุม (เจดีย์รอบๆพระปรางค์ใหญ่) ภายในเมรุทุกองค์ประดิษฐานพระพุทธรูปทรงเครื่อง ภายในซุ้มเรือนแก้วล้วนลงรักปิดทอง ฝ่าเพดานทำด้วยไม้ประดับลวดลายลงรักปิดทองเช่นกัน

ก่อนกรุงแตก พ.ศ. 2310 วัดไชยวัฒนารามถูกแปลงเป็นค่ายตั้งรับศึก และเมื่อเสียกรุงศรีอยุธยา วัดไชยวัฒนารามจึงได้ถูกปล่อยให้ทิ้งร้าง ผู้ร้ายเข้าไปลักลอบขุดหาสมบัติ เศียรพระพุทธรูปถูกตัดขโมย มีการรื้ออิฐที่พระอุโบสถ และกำแพงวัดไปขาย แต่ในปี พ.ศ. 2530 กรมศิลปากรจึงได้เข้ามาอนุรักษ์จนแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2535

ก่อนกรุงแตก พ.ศ. 2310 วัดไชยวัฒนารามถูกแปลงเป็นค่ายตั้งรับศึก และเมื่อเสียกรุงศรีอยุธยา "วัดไชยวัฒนาราม" จึงได้ถูกปล่อยให้ทิ้งร้าง ผู้ร้ายเข้าไปลักลอบขุดหาสมบัติ เศียรพระพุทธรูปถูกตัดขโมย มีการรื้ออิฐที่พระอุโบสถ และกำแพงวัดไปขาย แต่ในปี พ.ศ. 2530 กรมศิลปากรจึงได้เข้ามาอนุรักษ์จนแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2535

ใกล้กันมากขึ้น ... เข้าใจกันมากขึ้น

ขอบันทึกภาพก๊วนซ่า ... พาตลุยกันซะหน่อย

มา 8 คน กล้อง 8 ตัว กลับไปคงต้องเพลิดเพลินกับการนั่งดูภาพกันอีก

เป็นความประทับใจ และภูมิใจในโบราณสถานของไทย ซึ่งมองเห็นชาวต่างชาติมาเที่ยวชมกันหลายคน

จึงอยากให้เชิญชวนให้มาท่องเที่ยวอยุธยากัน "ท่องเที่ยวไม่ไกล ... ไปได้หลายแห่งในหนึ่งวัน"

แหล่งข้อมูล : วิกิพีเดีย