Disable Preloader




ตามไปดู เศียรพระพุทธรูปหินทรายในรากโพธิ์ ที่วัดมหาธาตุ

หลังจากรับประทานอาหารกลางวันเรียบร้อยแล้ว แถววัดไชยวัฒนาราม ก็จ้างรถกบเคโระอีกช่วงหนึ่ง เพื่อมาส่งยัง วัดมหาธาตุ เพื่อนส่วนหนึ่งไปซื้อตั๋วผ่านเข้าไปเที่ยวชม ราคาคนไทย ๑๐ บาท = 50 Baht สำหรับชาวต่างชาติ

แต่ขอหม่ำไอติมตัดรสทุเรียนซักแท่ง ทั้งที่ไม่ชอบทานทุเรียน แต่สำหรับไอติมแบบนี้ ... รับไหว ... ราคาคนไทยแท่งละ 15 บาท แต่ถ้าชาวต่างชาติ 20 Baht each.

เดินผ่านเข้ามาในบริเวณวัดมหาธาตุ ซึ่งเป็นพระอารามหลวง ที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งเป็นศูนย์กลางของเมืองในสมัยกรุงศรีอยุธยา

ตั้งอยู่ในเกาะเมืองอยุธยา ทางด้านทิศตะวันออกของพระราชวังหลวง

พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาได้ระบุว่า องค์พระศรีรัตนมหาธาตุ เริ่มก่อสร้างในปี พ.ศ. ๑๙๑๗

ในรัชสมัยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ ๑ (ขุนหลวงพระงั่ว) แต่ยังไม่แล้วเสร็จ สมเด็จพระราเมศวร จึงทรงสร้างเพิ่มเติมอีกจนเสร็จสมบูรณ์ต่อมา

ในสมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม พระปรางค์องค์ใหญ่ได้พังทลายลงมาจนถึงชั้นครุฑพื้นอัษฎงค์

แต่ไม่ปรากฏว่ามีการซ่อมแซมในสมัยนั้น จนกระทั่งในสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง จึงได้ทำการบูรณะปฏิสังขรณ์ใหม่ทั้งหมด

ครั้งเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ ๒ ในปี พ.ศ. ๒๓๑๐ วัดมหาธาตุถูกไฟไหม้เสียหายและถูกทิ้งร้างเรื่อยมา จนในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์

องค์พระปรางค์ประธานจึงได้พังทลายลงมาอีกครั้ง จนมีสภาพดังที่เห็นในปัจจุบัน

นอกเหนือจากที่ตั้งใจมาเที่ยวชมวัดมหาธาตุแล้ว ยังมีจุดที่เป็นไฮไลท์ของการมาเที่ยวยังวัดนี้ก็ คือ "เศียรพระพุทธรูปหินทรายในรากของต้นโพธิ์"

ว่าแต่ว่า อยู่ไหนล่ะเนี่ย! จะเดืนตรงมาทางนี้

หรือจะเดินอ้อมทางนี้ก็ได้ ไม่ไกลจากกัน

ซึ่งได้พบพระพุทธรูปหินทรายเหลือแต่ส่วนเศียร สำหรับองค์พระนั้นหายไป

เป็นเศียรพระพุทธรูป ศิลปะอยุธยา วางอยู่ในรากโพธิ์ข้างวิหารราย และถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวจุดหนึ่งในจังหวัดอยุธยา

เป็นวันหนึ่งที่ได้ท่องเที่ยวอยุธยาแบบไม่เร่งรีบอะไร ค่อยๆ เก็บรายละเอียดไปเรื่อยๆ และเป็นวันที่ดื่มน้ำไปหลายลิตร ... ร้อนจริงๆ แต่สีทนได้

ว่าแล้วก็ออกมาเดินซื้อน้ำดื่มและนั่งพักเย็นสบายอุรา มองเห็นบริเวณที่เขาเช่าพระพุทธรูป งดงามดี

ยืนมองดูโปสการ์ดแล้ว อยุธยายังมีแหล่งท่องเที่ยวอีกมาก

เป็นแหล่งบันทึกภาพสำหรับตากล้องทั้งหลาย เรียกว่า "ถ่ายเพลิน เกินห้ามใจ ได้ทั้งวัน"

ได้เวลาเหมารถกบเคโระอีกช่วงแล้ว เพื่อเดินทางไปยังตลาด ซึ่งไม่ไกลจากสถานีรถไฟ เพื่อไปนั่งตากแอร์ จิบกาแฟ ... ใครว่ารถม้า มีแต่ที่ลำปาง

เฮ้ ... อยากดูรถม้าต้องไปลำปาง ... อยากดูคล้องช้างต้องไปสุรินทร์ ... อยากดูทั้งม้าทั้งช้าง ... อยากดูสองอย่างต้องไปเขาดิน ... อิอิ

เดินจากตลาดไปนั่งเรือข้ามฟาก คนละ 4 บาท และเดินอีกนิดก็ถึงสถานีรถไฟอยุธยา ประมาณ 16.30 น. จึงรีบเดินไปบันทึกภาพรถจักรไอน้ำ ที่กำลังจะเตรียมตัวนำหัวรถจักรไปต่อกับขบวนตู้โบกี้โดยสาร ไว้ตอนต่อไปจะนำภาพประทับใจในการเดินทางกลับ มาถ่ายทอดให้ได้ชื่นชมขบวน "รถจักรไอน้ำ" ของคนไทยทุกคนขบวนนี้ ในอีกมุมมอง

แหล่งข้อมูล : ป้ายบอกประวัติที่วัดมหาธาตุ