เป็นครั้งที่สองที่ได้มาเที่ยวที่ตลาดน้ำอัมพวา โดยเว้นช่วงจากครั้งที่แล้วประมาณปีกว่าๆ รู้สึกว่าอะไรต่ออะไรเปลี่ยนแปลงไปมาก มีโซนใหม่ๆ ให้เดินเที่ยวเพิ่มมากขึ้นอีก
เชื่อว่า ถ้าใครพูดชวนว่าไปเที่ยวตลาดน้ำกันมั้ย! ชื่อแรกที่แว๊บเข้ามาให้ความคิดก็คือ "อัมพวา"
และแฟชั่นอัมพวาเหล่านี้ ถือเป็นสื่อประชาสัมพันธ์ที่ดีเยี่ยม เพราะว่า คนซื้อต้องจ่ายตังส์ซื้อเสื้อ แถมยังโปรโมทให้อีกด้วย ... มีที่ไหนได้ 2 ต่อ
ยังงี้น่าจะแจกฟรี หรือลดราคาลงซักหน่อยว่ามั้ย .. ฮา
ไม่หรอก ... ล้อเล่น ของซื้อของขาย อยู่ที่ความพึงพอใจขอผู้ซื้อต่างหาก
แต่ต้องขอชื่นชม เป็นหลักการที่ถูกต้องเพราะได้ทั้งขายเสื้อ แล้วยังช่วยโปรโมทสถานที่โดยทางอ้อม
ไม่เพียงแต่การอนุรักษ์มนต์เสน่ห์ของชุมชนเอาไว้
ซึ่งเราคงไม่ได้ชื่นชมอะไรที่เป็นนวัตกรรมใหม่เสมอไป ของเก่าย้อนยุคก็น่าสนใจไม่แพ้กัน
เป็นมรดกตกทอดจากรุ่นสู่รุ่น
ได้เห็นอะไรที่ไม่ได้เห็นในชีวิตประจำวัน ก็ทำให้รู้สึกแปลกตาดี
มีสินค้าทั้งของใช้ หรือของที่ระลึกหลากหลาย ที่สำคัญอยากให้ช่วยกันสร้างสรรค์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แทนการก๊อปปี้กันเอง ตัดราคากันเอง
อย่างร้านนี้ คนซื้อโปสการ์ดและนั่งเขียนเพื่อส่งถึงเพื่อนๆ ดูแล้วรู้สึกดีจัง ถ่ายทอดความสุข ความประทับใจ ใส่กระดาษถึงกัน ดูแล้วอาจประทับใจกว่า E-mail ว่ามั้ย! เพราะต้องนั่งก้มและกว่าจะถ่ายทอดคำพูดลงบนกระดาษทีละคำ
มาครั้งนี้ เพิ่งสบโอกาสลองนั่งเรือเที่ยวชมหิ่งห้อยกับน้องๆ และหลานชายจอมซนอีก 2 คน ได้เห็นหิ่งห้อยเยอะมาก ต้นลำพูบางต้นนั้นมีหิ่งห้อยกระพริบสว่างมาก จนแอบนึกไปว่า ชาวบ้านคนเอาไฟประดับต้นคริสต์มาสมาเสียบปลั๊กไว้
ตอนแรกนึกว่านั่งเรือชมระยะทางนิดเดียว แต่ลงเปิด Google Map จากโทรศัพท์มือถือไปด้วย จะเห็นได้ว่าเรือ (หมุดสีฟ้า มีลูกศรชี้) นั้นลัดเลาะไปตามแม่น้ำ ระยะทางไกลพอสมควร ซึมซับบรรยากาศเย็นสบายดีจัง (+) กดที่นี่เพื่อดูแผนที่จากดาวเทียม
มาครั้งนี้ เพิ่งเห็นว่ามีร้านค้า ร้านอาหารเปิดใหม่อีกเพียบเลย บรรยากาศก็ดูดี นึกว่ากำลังอยู่ในสถานีรถไฟ
ดูแล้ว น่าฮาเฮตามไปด้วยจัง
เป็นวันหยุดพักผ่อนที่อิ่มทั้งอาหาร อิ่มทั้งบรรยากาศ และอยากให้ช่วยกันรักษามรดกทางวัฒนธรรม และที่สำคัญคือ สภาพแวดล้อมที่ดี ให้มีหิ่งห้อยคงอยู่และเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นตัวชี้วัดคุณภาพของสภาพธรรมชาติได้ทางหนึ่ง