Disable Preloader




ขับรถจากกรุงเทพฯ แค่ 2 ชั่วโมง ก็ถึง พอสสิตาโน (Positano) อิตาลี แล้ว

ช่วงบ่ายเมื่อวันเสาร์ที่แล้ว ก็ขับรถมาถึง "พอสสิตาโน" (Positano) ซึ่งได้เสนอเข้าร่วมประกวดในโครงการ Thailand Boutique Awards 2010 ทำให้ต้องเดินทางมารีวิวในครั้งนี้ ในการเลือกรายชื่อ 2 แห่งจากทั้งสิ้น 97 โรงแรม ก็มาสะดุดเข้ากับชื่อ "พอสสิตาโน" และภาพทิวทัศน์ทะเลหมอกจากเว็บไซต์ ยิ่งทำให้ไม่ลังเลใจที่จะขอมาพิสูจน์ด้วยตาตัวเอง

เดินทางจากกรุงเทพฯ ในช่วงปลายฝนแบบนี้ มาถึงอำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา ได้ซึมซับบรรยากาศความเขียวชะอุ่มของป่าเขาในฤดูนี้ เป็นบรรยากาศที่สบายตา และสบายกายด้วยความชุ่มชื่นของอากาศ เมื่อผ่านบริเวณลำตะคอง และเลี้ยวซ้ายเข้ามาอีกเพียง 20 ก.ม. จากถนนมิตรภาพ ก็มาถึงดินแดนแห่งความฝัน หนีความวุ่นวายในเมือง มาสูดรับโอโซนระดับ 7 ของโลกกันได้ง่ายๆ

ขับรถขึ้นมายังส่วนของ The Positano Villa ซึ่งมีให้บริการอยู่ 3 ห้อง ได้แก่ Pool Front Villa (ชั้นล่าง), Valley View Room (ชั้น 2) และ Hilltop Room (ชั้น 3) ด้วยสถาปัตยกรรมแนวทันสมัย (Modern) ท่ามกลางธรรมชาติ

และการออกแบบตัวตึกโดยใช้กระจกโดยรอบ ทำให้สามารถมองเห็นภาพทิวทัศน์แบบพาโนรามา และ 360 องศา ได้บนชั้นดาดฟ้า

เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์บุด้วยหนังตามสไตล์อิตาลี ให้ความรู้สึกเคร่งขรึมแต่ใช้ประโยชน์ได้ดีเยี่ยม

จะนั่งพักผ่อน ชมทีวี หรือถ้าให้ดี ก็ชมวิวภายนอกที่เปลี่ยนแปลงไปตามแสงแดดและเมฆหมอก

หากต้องการว่ายน้ำ ระดับเดียวกับขอบฟ้า ก็แค่เปิดประตูและเดินลงในสระว่ายน้ำได้ทันที

ถือว่าบูติกอย่างมากทั้งสถาปัตยกรรมและบรรยากาศโดยรอบ ซึ่งเหมือนมาพักผ่อนในบ้านตากอากาศ มากกว่าการมาพักในโรงแรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานที่แห่งนี้ ได้จัดให้มี พ่อบ้านและแม่บ้าน (Butler) ไว้คอยดูแล พูดคุย เป็นกันเองกับแขกที่มาพัก ถือเป็นเสน่ห์อย่างที่ไม่ค่อยได้พบเห็นทั่วไป

การออกแบบให้มีระเบียงโดยรอบ ช่วยให้สามารถเดินชมความงดงามของขุนเขาได้หลากหลายมุมมอง อีกทั้งการเล่นระดับของทางเดินและการจัดสวน

ได้คุยกับเจ้าของโครงการทราบว่า สถานที่แห่งนี้กว่ากว่า 200 ไร่ ทอดตามแนวเทือกเขา จะไม่มีการตัดต้นไม้ใหญ่ ทำให้พื้นที่นี้มีความสมบูรณ์มาก สังเกตจากมีนกสวย ไก่ฟ้า และผีเสื้อหลากหลาย ขณะที่นั่งรถกอล์ฟไฟฟ้าไปรอบๆ โครงการ ไม่มีการใช้สารเคมีหรือยาฆ่าแมลง แต่เลือกใช้ปุ๋ยชีวภาพแทน ซึ่งปลอดภัย

บริเวณภายในห้องน้ำ เน้นการใช้สีขาวและเทา โดยเฉพาะการเลือกใช้การปูพื้นด้วยไม้แผ่นเรียบ ทั้งส่วนเปียกและแห้ง ทำให้รู้สึกเข้าถึงธรรมชาติได้ดีมาก

คุณแม่บ้านอาสาพาเราไปชมสวนอังกฤษและบ้านแบบชนบท (English Cottage) จึงขึ้นรถกอล์ฟนั่งไปไม่ไกลก็มาถึง และอยู่ในระหว่างการตกแต่ง เพื่อเปิดให้บริการในเดือนตุลาคม 2553 นี้

ให้บรรยากาศเหมือนอยู่ในยุโรป ถือเป็นแนวคิดที่เหมาะสมในพื้นที่สูงแบบนี้ โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาว ยิ่งได้บรรยากาศเหมาะกับการท่องเที่ยวพักผ่อน

และจุดนี้ยังต้อนรับนักท่องเที่ยวที่ผ่านมาจิบกาแฟ แม้ว่าจะไม่ได้เข้าพัก และเชื่อว่าสถานที่นี้ จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ในอนาคตอันใกล้นี้อย่างแน่นอน

ชั้นล่างจะเตรียมทำเป็นร้านขายกาแฟ และชั้นบนจะเป็นห้องพักจำนวน 2 ห้อง

เรียกได้ว่า หนาวนี้ในอีก 2 เดือนข้างหน้า หากได้มานอนหน้าเตาผิง ก็คงไม่ต่างกับการไปท่องเที่ยวในยุโรปเลยก็ว่าได้

บรรยากาศแบบนี้ ไม่ต้องไปไกลถึงเมืองเหนือ ก็ได้สัมผัสกับความหนาวเย็น ซึ่งในฤดูหนาว อุณหภูมิจะอยู่ระหว่าง 2 - 11 องศาเซลเซียส

ต้องขอชื่นชมสถานที่แห่งนี้ ที่ผสานสถาปัตยกรรมแบบโมเดิร์นและแบบคันทรีไว้ด้วยกันอย่างครบรส

นอกจากนี้ ในบริเวณข้างๆ "บ้านชนบทอังกฤษ" (English Cottage) ยังกำลังก่อสร้าง "Tuscana House" ตัวตึกสีส้มตามสไตล์อิตาลี ซึ่งจะมีห้องพักอีก 3 ห้อง อีกทั้งกำลังตระเตรียม "ฟาร์มแกะ" (Sheep Farm) ... ชื่นชอบพื้นหินแบบนี้ ทำให้นึกถึงบรรยากาศตอนไปเที่ยวบูดาเปสต์ และเวนิส

ขอขยี้ตาเล็กน้อย ... นี่เราไม่ได้ฝันไป เรากำลังขับรถอยู่ในยุโรปจริงๆ เหรอเนี่ย

แดดร่มลมตกแล้ว ได้เวลาไปชมพระอาทิตย์ตกดินที่ผาชมวิว ซึ่งห่างจากห้องพักเพียง 200 เมตร สังเกตได้ว่า สถานที่แห่งนี้ใส่ใจในโดยมีการทำทางลาด เหมาะสำหรับผู้สูงอายุและผู้พิการที่ใช้รถเข็น ก็สามารถมาพักผ่อนได้อย่างสะดวกสบาย

โอ้ว! ว้าว! เราอยู่สูงขนาดนี้เชียวเหรอ เพราะตลอดเส้นทาง 20 ก.ม. ที่ขับจากถนนมิตรภาพ ไม่มีความรู้สึกเลยว่า กำลังขับรถขึ้นเขา เพราะเป็นเส้นทางเรียบ ร่มรื่น และมีบ้านอยู่ตลอดเส้นทาง ซึ่งครั้งแรกที่มาถึง ยังนึกเลยว่า แล้วเราจะไปชมทะเลหมอกได้จากไหน

ซึ่งในเช้าวันรุ่งขึ้น ก็ได้ชมทะเลหมอกจากจุดนี้ ซึ่งจะนำมาให้ชมกันในเอนทรีถัดไป รับรองว่า "Amazing Thailand" ของจริง พิสูจน์มาแล้ว

ไม่นานนัก พระอาทิตย์ก็ลาลับขอบฟ้า ลมพัดเย็นสบาย สูดอากาศสดชื่น

เดินกลับมาที่ห้องพักในวิลล่า ก็ต้องดื่มด่ำแสงสีจากธรรมชาติ

เรียกได้ว่า ตลอด 3 ชั่วโมง ที่อยู่ในบริเวณนี้ ได้สัมผัสกับสิ่งต่างๆ หลากหลาย

และค่ำคืนนี้ จะขอนอนพักผ่อน ชมดาว ณ จุดนี้

หากใส่คำบรรยายใต้ภาพว่า บ้านในยุโรป ก็คงเชื่อได้ไม่ยาก ทั้งต้นสน อาคารที่ดูทันสมัย และสระว่ายน้ำสีเขียวฟ้าแบบ turquoise

ก็ได้เวลาอาหารค่ำ ได้แก่ ซุปข้าวโพด (Corn Soup), ขนมปังกระเทียม (Garlic Bread) และซีซาร์สลัด (Ceasar Salad) ด้วยผักสดๆ แบบออแกนิก (Organic) เพื่อเรียกน้ำย่อยก่อน ตามด้วยสปาเก็ตตี้คาโบนารา (Spaghetti Cabonara) เป็นจานหลัก ตบท้ายด้วยของหวาน ช๊อกโกแลตลาวา (Chocolate Lava) อิ่มอร่อยมากๆ และขอชื่นชมฝีมือเชฟ "อร่อยมากๆ" ขอยกนิ้วให้

หลังจากเดินย่อย ขอมานั่งเปิด Notebook เชื่อมต่อ WIFI เพื่อเช็ค Facebook ซักหน่อย รู้สึกประหลาดใจที่ไม่มียุงหรือแมลงมากวนใจ คงเพราะมีการจุดน้ำมันระเหยหอม และลมพัดเอื่อยๆ ซึ่งตั้งใจไว้ว่า พรุ่งนี้จะตื่นแต่เช้ามาชม "ทะเลหมอก" คอยตามติดตามในเอนทรีต่อไป รับรองว่าประทับใจแน่นอน เร็วๆ นี้

เอนทรีที่เกี่ยวข้อง :