Disable Preloader




ขับรถจากกรุงเทพฯ แค่ 2 ชั่วโมง ก็ได้กอดทะเลหมอกที่ พอสสิตาโน แล้ว

มาขอรีวิว "พอสสิตาโน" (Positano) กันต่ออีกเอนทรี สำหรับโรงแรมที่เข้าร่วมประกวดในโครงการ Thailand Boutique Awards 2010 ซึ่งในเช้าวันนี้ตั้งโทรศัพท์มือถือปลุกตั้งแต่ตีห้าครึ่ง เพื่อมาชมแสงแรกของวัน ซึ่งก็ไม่ผิดหวังเลย

มองไปยังทิวเขาและแสงสีส้ม ช่วยให้เห็นหมอกขาวเต็มที่ราบสูง เป็นภาพประทับใจที่คงไม่ได้เห็นในเมืองกรุง

จัดแจงคว้ากล้องถ่ายรูปคู่ใจ และสิ่งที่ขาดไม่ได้คือ ขาตั้งกล้อง เดินไปยังจุดชมวิวห่างไปประมาณ 200 เมตร จากห้องพัก ซึ่งได้เจอภาพทะเลหมอก ตามที่หวังไว้เลย

ยืนถ่ายภาพไม่นาน เมฆหมอกก็ลอยผ่านตัว เรียกได้ว่า "กอดทะเลหมอก" ของจริง อะเมซซิ่งไทยแลนด์ แดนสวรรค์

มองหันหลังไปทางทิศตะวันออก ให้เห็นว่ากำลังยืนอยู่ท่ามกลางหมอกหนา ... หากถามว่า "เมฆและหมอก แตกต่างกันอย่างไร?"

“หมอก” เกิดจากไอน้ำเปลี่ยนสถานะควบแน่นเป็นหยดน้ำเล็กๆ เช่นเดียวกับ “เมฆ” เพียงแต่ “เมฆ” เกิดจากการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิเนื่องจากการยกตัวของกลุ่มอากาศ ผ่านความสูงเหนือระดับควบแน่น และมีอุณหภูมิลดต่ำกว่าจุดน้ำค้าง แต่ “หมอก” เกิดขึ้นจากความเย็นของพื้นผิว หรือการเพิ่มปริมาณไอน้ำในอากาศ

ต้องล้างความคิดเดิมๆ ที่ว่า "หากจะดูทะเลหมอก ต้องขึ้นเหนือ หรือขึ้นภูที่อยู่สูง" ไปอย่างสิ้นเชิง เพราะสถานที่นี้ห่างจาก กรุงเทพฯ แค่ 2 ชั่วโมง และก็สูงเพียง 500 เมตรจากระดับน้ำทะเล ก็มาชมทะเลหมอกได้แล้ว

และยังเป็นทะเลหมอกแบบ 360 องศา รอบตัวอีกด้วย สมแล้วที่สถานที่แห่งนี้ ตั้งชื่อว่า "พอสสิตาโน" (Positano) เพราะเป็นชื่อเมืองชายทะเลในประเทศอิตาลี และที่นี่ก็ติดทะเล แต่เป็น "ทะเลหมอก" นั่นเอง

ทุกชีวิตก็ตื่นขึ้น ชื่นชมแสงยามเช้า และสูดอากาศสดชื่น

แม้แสงแดดจะแรงขึ้น และหมอกก็เปลี่ยนเป็นสีส้ม ยิ่งทำให้ภาพตรงหน้านั้นสวยงามสุดจะบรรยาย

เมืองไทยของเรา สวยงามไม่แพ้มุมอื่นๆ ในโลกจริงๆ

ขอย้อนกลับไปชมทะเลหมอกกันต่อ ... ภาพจริงๆ ไม่ต้องใช้เทคนิคตัดต่อแต่อย่างใด

มองดูภาพเมฆที่ลอยผ่านภูเขาสูง เหมือนถูกห่อหุ้มด้วยปุยเมฆ ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้ด้วยตาตัวเอง แต่เคยดูจากสารคดีอยู่บ่อยครั้ง

แม้สถานที่แห่งนี้จะสูงเพียง 500 เมตร แต่อยู่ในทำเลระหว่างเทือกเขา จึงเหมือนเป็นทางผ่านของเมฆหมอกพอดี

จึงทำให้เห็นทะเลหมอกแบบนี้ได้บ่อยๆ

กินบริเวณกว้างสุดสายตา ... จึงยกโทรศัพท์มือถือ ถ่ายภาพและส่งเข้า FaceBook เพื่อนแซวกลับมาทันทีว่า "เป็นซุปเปอร์แมน กำลังเหาะผ่านเมฆเหรอ"

มองภาพนี้แล้วนึกถึง ตอนเครื่องบินไต่ระดับจากสนามบินนาริตะ แล้วมองไปทางภูเขาไฟฟูจิ (Fuji) จะมองเห็นปล่องภูเขาไฟโผล่เหนือเมฆแบบนี้

ไม่ต้องบรรยายใดๆ ขอบอกว่า "สุดยอด!"

แม้จะ 8 โมงเช้า มีแดดแรง เมฆหมอกก็ยังหนาอยู่

ยังแอบนึกถึงชาวบ้านที่อยู่บริเวณนี้ คงตื่นมาเจอหมอกหนาปกคลุมบ่อยๆ

บรรยากาศสวย เพราะธรรมชาติสร้างสรรค์

เชื่อว่าภาพแบบนี้ ช่วยให้เราคนไทยทุกคน รักเมืองไทยขึ้นอีก และภูมิใจใน "บ้านของเรา เมืองไทยของเรา" 

แม้แต่ฝูงนกเหล่านี้ ยังบินมาชื่นชมความงามเลย

ต้องขอขอบคุณสถานที่แห่งนี้ ที่มาพัฒนาพื้นที่โดยยังอนุรักษ์ความเป็นธรรมชาติไว้ เพื่อรองรับแขกมาพักผ่อน มาท่องเที่ยว และได้ชื่นชมความงามของเมืองไทย ไม่ต้องไปไกลถึงเมืองนอก

ได้เวลาที่นัดหมายกับ คุณแม่บ้านสำหรับอาหารเช้าตอน 9 โมงเช้า เราก็เดินขึ้นส่วนห้องอาหารชั้นบน

ยังได้ชมภาพภายนอกระเบียงจากมุมสูง จะมองเห็น "บ้านชนบทและสวนอังกฤษ" (English Cottage) และ "บ้านแบบอิตาลี" (Tuscana House) สีส้ม อยู่ใกล้ๆ กัน

ซึ่งเช้านี้เราก็เอร็ดอร่อยกับ American Breakfast กับกาแฟหอมกรุ่น

สรุปได้ว่า ตลอดเวลาทั้ง 2 วันใน "พอสสิตาโน" ถือเป็นความประทับใจ และบูติกสุดๆ ทั้งสถาปัตยกรรม, ธรรมชาติรอบตัว และการบริการที่อบอุ่น สร้างความประทับใจอย่างมาก และต้องกลับมาเยือนสถานที่แห่งนี้อีกอย่างแน่นอน

เอนทรีที่เกี่ยวข้อง :