รถตู้ของพวกเราแล่นจากหน้าที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูสวนทราย มายัง ภูหัวฮ่อม ซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก ระหว่างทางมองเห็นวัดทางขวามือ ตามสไตล์ของวัดในเมืองหลวงพระบาง จึงบอกให้คนขับเลี้ยวเข้าไปแวะท่องเที่ยวกัน
ไม่อยากเชื่อสายตา นึกว่ากำลังเที่ยวอยู่ในประเทศลาว แต่ที่นี่คือ อำเภอนาแห้ว จังหวัดเลย
และวัดที่เห็นอยู่นี่้ มีอายุกว่า 400 ปี ชื่อว่า "วัดศรีโพธิ์ชัย" เริ่มสร้าง พ.ศ. 2090 ตั้งวัดเมื่อ พ.ศ. 2379 โดยกลุ่มนายพรานจากเวียงจันทร์ มีหัวหน้าชื่อ นายภา ( เชียงภา ) ซึ่งอพยบครอบครัวและญาติพี่น้องมาตั้งถิ่นฐานเป็นปึกแผ่นและสร้างวัดขึ้น
ชาวบ้านเรียกว่า "วัดบ้านแสงภา" ในช่วงเทศกาลวันสงกรานต์จะมีงานแห่ต้นดอกไม้ตามประเพณีท้องถิ่นที่สืบทอดกันมาหลายร้อยปีมาแล้ว (ต้นดอกไม้ที่สูงที่สุดของประเทศไทย) และในปี พ.ศ. 2545 สภาวัฒนธรรมจังหวัดเลยประกาศให้เป็นงานเทศกาลประเพณีประจำปีของอำเภอนาแห้ว
องค์พระประธานมีสีขาว และมีความงดงามมาก เรียกได้ว่า ประทับใจทั้งบริเวณรอบๆ วัดที่มองเห็นทิวเขาพร้อมหมอกขาว รวมถึงภายในโบสถ์ที่สวยงาม และอยู่ระหว่างการบูรณะกันอยู่
ได้เวลารีบขึ้นรถไปจับจองบริเวณการเต๊นส์กันก่อน เมื่อมาถึงจะมีเต๊นส์อยู่ประมาณ 3-4 หลังเท่านั้น
พวกเราไม่รีรอ จับจองที่ เรียกได้ว่า ตื่นเช้ามาแค่รูดซิปเต๊นส์ ก็มองเห็นทะเลหมอกอยู่ตรงหน้าทันที
จัดแจงการเต๊นส์ด้วยความชำนาญเพียงไม่กี่นาที น่าไปรับจ๊อบส์ รับจ้างกางเต๊นส์ทุกอุทยานแห่งชาติ ทั่วราชอาณาจักร
แม่ครัวมือหนึ่ง สอง และสาม จัดแจงเตรียมอาหารกลางวัน หลังจากส่งไลน์ถามว่า "ส่งเมนูมาว่า อยากหม่ำอะไรกันบ้าง?"
แต่คำตอบที่ได้คือ "ที่เขียนมาทั้งหมดนั้นอ่ะ ไม่ได้กิน!"
ไม่ใช่เพราะยาก แต่เพราะอาหารสด ผักสดคงเก็บไว้ได้ไม่นาน จึงขอปรับเปลี่ยนเมนูซักหน่อยมาเป็น "สปาเก็ตตี้คาโบนาร่า" และ "สปาเก็ตตี้ขี้เมา"
หลังจากหม่ำจนอิ่มอร่อย ก็ขอทำหน้าที่สำรวจสถานที่โดยรอบ
ซึ่งจุดเด่นของ "ภูหัวฮ่อม" แห่งนี้คือ ในตอนเช้าจะสามารถมองเห็นทะเลหมอกได้ 2 ฝั่ง และมองเห็นพระอาทิตย์ขึ้นจากขอบฟ้า
เดินเก็บรายละเอียดไปเรื่อยๆ เห็นอะไรแปลกๆ ก็ถ่ายเก็บหมด
ไม่ต้องขึ้นดอย ก็ได้ชม "ดอกบัวตอง"
ไม่เว้นแม้กระทั่งกอต้นดาหลา หน้าห้องน้ำ ซึ่งขอบอกว่า ห้องน้ำของอุทยานแห่งชาติฯ แห่งนี้ไฮโซมาก มีครบทั้งฝักบัว, ชักโครก และสายชำระล้าง น้ำเย็นเจี๊ยบสะใจมาก
จากจุดกางเต๊นส์ของพวกเรา ก็มีทางลัดเข้ายังครัว ซึ่งสามารถสั่งอาหาร รสชาดอร่อยได้สบาย ซึ่งเราก็ใช้บริการอยู่หลายมื้อ
หลังจากอิ่มหนำ เพื่อนๆ บางส่วนก็เริ่มเจรจาธุรกิจหลายร้อยล้านกันใหญ่ แต่ละคนระดับมหาเศรษฐี
เมื่อแดดบ่ายๆ ออกมาไล่ก็ไม่หวั่น ย้ายทำเลมาบนศาลา นั่งเครียดกันใหญ่
บ้างก็มาทำหน้าที่เป็นนางแบบจำเป็น เก็บบันทึกภาพมาฝากกัน
ซึ่งเทือกเขาที่เห็นนี้ บางลูกจะเป็นของประเทศลาว และของประเทศไทย สลับกันไปตามแผนที่นั้น
พอถึงช่วงเย็น อากาศก็เริ่มเย็นสบาย ดวงอาทิตย์ก็กำลังลับขอบฟ้า แถมมีเมฆฝนบดบังซึ่งก็หวั่นใจว่า จะมีฝนตกหรือไม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ยังบอกว่า สัปดาห์ที่แล้วฝนยังตกอยู่เลย
ยังนึกอยู่ว่า หากฝนตกคงต้องย้ายเต๊นส์ไปกางใต้ศาลาแล้วกัน
ท้องฟ้าสวยงามมากในยามโพล้เพล้ ช่วงเวลาที่ดีช่วงหนึ่งที่ชอบในการถ่ายภาพ
เพื่อนๆ โบกไม้โบกมือเรียก "เพื่อนๆ ให้อภัยแล้ว ... มาทานข้าวเย็นได้แล้ว ... ล้อเล่น" จะเห็นว่า มีเพื่อนบ้านอื่นๆ มากางเต๊นส์กันเพิ่มขึ้่นจนเกือบเต็มลาน ยิ่งทำให้บรรยากาศอบอุ่นขึ้น
กลิ่นหอมของอาหาร ล่องลอยไปไกล จนสามารถเดินตามกลิ่นกลับมายังจุดกางเต๊นส์ได้
แม่ครัว และพ่อครัว กำลังแสดงฝีมือกันเต็มที่
ท้องฟ้ามืดลงอย่างรวดเร็ว และลมเย็นๆ พัดเอื่อยกับอาหารมื้ออร่อย
ความสุขที่หาได้ไม่ยาก แต่ต้องหาโอกาสมาท่องเที่ยวแบบนี้กันบ้าง
ต่อให้เอาดินเนอร์หรูมาแลก ก็ไม่ยอมแลก เพราะอิ่มอร่อยทั้งอาหาร อิ่มอร่อยทั้งบรรยากาศ และความสุขเฮฮาของเพื่อนๆ อีกด้วย
ได้เวลาสนุกสนานเฮฮากันต่อ บ้างก็เล่นเกมเศรษฐีเวอร์ชั่นพิเศษที่โมดิฟายด์กันเองให้สนุกมากขึ้น บ้างก็นอนดูดาว คุยกันไปจนดึก ซึ่งพรุ่งนี้เช้าต้องปลุกกันมาชมทะเลหมอก ไว้มาติดตามชมกันต่อเร็วๆ นี้นะ
บันทึกการเดินทางของ ก๊วนปุ๊ปปั๊ป ประหยัดทัวร์ ที่ผ่านมา
- ค่ำคืนดูดาว เช้าดูหมอก โอบกอดขุนเขา เรารัก "ภูหัวฮ่อม" : ตอนที่ 1
- "ครั้งหนึ่งในชีวิต เราคือผู้พิชิตภูกระดึง" - ซำที่ 1 : ซำติงอิมเพรสชั่น
- "ครั้งหนึ่งในชีวิต เราคือผู้พิชิตภูกระดึง" - ซำที่ 2 : ซำบายดีแต่หนาวจัง
- เพราะ "แสลงใจ" จึงได้ชื่อว่า "ทุ่งแสลงหลวง"
- "หนาวนี้" หรือ "หนาวไหน" อยากชวนไป "น้ำหนาว"
- นอนดูดาว เช้าดูหมอก ณ อุทยานแห่งชาติแม่เมย : ตอนที่ 1
- นอนดูดาว เช้าดูหมอก ณ อุทยานแห่งชาติแม่เมย : ตอนที่ 2
- นอนโต้ลมหนาว เช้าโอบกระบากใหญ่ ณ อุทยานแห่งชาติตากสินมหาราช : ตอนที่ 1
- นอนโต้ลมหนาว เช้าโอบกระบากใหญ่ ณ อุทยานแห่งชาติตากสินมหาราช : ตอนที่ 2