Disable Preloader




เพียงปีละหนึ่งวัน กับความอัศจรรย์บน ดอยอินทนนท์

หนาวมาทีไร ก็ตั้งใจจะไปสัมผัสความเย็นที่ ดอยอินทนนท์ ที่เชียงใหม่ ซึ่งทำมาต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 แล้ว ในครั้งนี้เมื่อต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา ด้วยความชื่นชอบที่มีความหลากหลายในสถานที่ท่องเที่ยวและบรรยากาศ

เมื่อขับมาใกล้จะถึงจุดหมายที่ พระมหาธาตุนภเมทนีดล และ พระธาตุนภพลภูมิสิริ อีกไม่ไกลมากนัก ก็ต้องมองหาต้นซากุระ หรือ ต้นพญาเสือโคร่ง ต้นนี้ซึ่งอยู่ทางขวามือ

ซึ่งด้วยความโชคดีที่ในปีนี้ ดอกบานช้าพอดี ซึ่งเพิ่งจะบานเต็มที่เต็มต้นในเวลานี้ ซึ่งแม่ค้าที่อยู่ตรงจุดนี้บอก

และขณะที่ขับผ่านมา ท้องฟ้าสวยใสพอดี ทำหน้าที่เป็นฉากหลังสำหรับการถ่ายภาพดอกพญาเสือโคร่งได้อย่างดี จึงชะลอรถและแวะจอดถ่ายภาพกันก่อน

แม้ว่าจะเห็นแค่เพียงต้นเดียว แต่ก็ได้โอกาสถ่ายภาพได้อย่างใกล้ชิดแบบนี้ แต่ก็เป็นความอัศจรรย์ที่ต้องอาศัยจังหวะที่จะบานในช่วงใด ซึ่งเมื่อครั้งที่แล้วเลือกเดินทางปลายเดือน ธันวาคม ผ่านมาตรงนี้ ก็อยู่ในช่วงที่บานเต็มต้นพอดีเช่นกัน

เห็นนักปั่นจักรยานผ่านมาพอดี อยากหาโอกาสเช่นนี้เหมือนกัน

หากสงสัยว่า ดอกซากุระ และ ดอกพญาเสือโคร่ง เหมือนกันหรือไม่ ทั้งคู่จัดเป็นพืชในสกุล Prunus เหมือนกัน แต่ไม่ได้เป็นชนิดเดียวกันกับซากุระของประเทศญี่ปุ่น เพราะซากุระในญี่ปุ่นมีการแตกแขนงออกเป็นอีกกว่า 100 ชนิด และความโดดเด่นของซากุระในญี่ปุ่น คือ จะมีกลิ่นที่หอมละมุน ไม่เหมือนซากุระที่เติบโตในประเทศอื่นๆ

ความแตกต่างอีกจุดในการออกดอก คือ ต้นพญาเสือโคร่งจะออกดอกในช่วงปลายหนาว ระหว่างเดือนธันวาคม-มกราคม แต่ซากุระในประเทศญี่ปุ่น แต่ต้นซากุระในประเทศญี่ปุ่นจะออกดอกในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ระหว่างเดือน มีนาคม-เมษายน โดยสันนิษฐานว่า ดอกพญาเสือโคร่ง และซากุระ มีบรรพบุรุษร่วมกันทางตอนใต้ของประเทศจีน และมีการวิวัฒนาการออกไปจนมีสายพันธุ์มากมาย

ดอกไม้สวยงาม ต้องคู่กับสาวน้อย

ยืนคอยต้อนรับผู้มาเยือนพอดี ที่ร้านขายของที่ระลึกอยู่ใต้ต้นพญาเสือโคร่งต้นนี่้พอดี

สินค้าที่ระลึกทั้ง ถูกใจ และโดนใจ

ชอบจริงๆ ประโยคที่ว่า "สลิดหน่อยๆ"

สำหรับผู้ที่ชื่นชอบดอกพญาเสือโคร่ง สามารถชมได้หลายๆ จังหวัด ทั้ง เชียงใหม่, เชียงราย, น่าน, ตาก และแหล่งที่ใหญ่ที่สุดอยู่ที่ พิษณุโลก-เลย ที่มีป่าซากุระนับแสนต้น ในเนื้อที่กว่า 1,200 ไร่ ที่ "ภูลมโล" นั่นเอง

จากนั้น ก็ต้องเดินทางต่อไปยังจุดหมาย มาถึงจุดนี้ขอหยุดถ่ายภาพซักหน่อย จำได้ว่ามีอยู่ครั้งหนึ่งที่เดินทางมาดอยอินทนนท์เมื่อสิบกว่าปีก่อน มาถึงจุดนี้ในช่วงปีใหม่ ต้องย้อนรถกลับเพราะรถติดยาวไม่ขยับหางแถวถึงบริเวณนี้ลงไปอีก จึงต้องถอดใจกลับดีกว่า แต่มาช่วงนี้ซึ่งเป็นสัปดาห์แรกของเดือนมกราคม มีนักท่องเที่ยวไม่มากนัก คงเพราะผ่านช่วงท่องเที่ยวไปแล้ว อีกทั้งปัจจุบัน เชียงใหม่มีสถานท่องเที่ยวใหม่ๆ อีกจำนวนมาก จึงสามารถเฉลี่ยกันไป

มาถึงแล้ว แต่จะไม่ขอเขียนข้อมูลมากนัก เนื่องจากเคยเขียนบล๊อกเรื่องนี้มาก่อน

จึงขอฝากลิงค์ "นภเมทนีดล นภพลภูมิสิริ" 2 พระมหาธาตุเจดีย์ แห่งดอยอินทนนท์  

เพื่อชมภาพและบันทึกการเดินทาง

ดอกกุหลาบพันปี กำลังเบิกบานเต็มที่

ขณะกำลังชมความแดงสดของต้นกุหลาบพันปี ก็ได้ยินเสียงนกที่บินเขามาจิบน้ำหวานจากดอกไม้ โดยไม่เกรงกลัวผู้มาเยือน

อวดความสวยให้ถ่ายภาพอย่างเต็มที่

สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการบันทึกภาพดอกไม้ คงจะมีความสุขเพลิดเพลินอย่างแน่นอน

หรือจะถ่ายภาพทั้ง สถาปัตยกรรมและดอกไม้ ก็เข้ากันได้ดี

เห็นนักท่องเที่ยวต่างชาติกำลังผลุบๆ โผล่ๆ จึงขอบันทึกภาพไว้ แช๊ะ!

ฟ้าสวยใสถูกใจนักถ่ายภาพอย่างแน่นอน

มากี่ครั้งก็ประทับใจ และได้ความรู้สึกใหม่ๆ เสมอ

เดินทางกันต่อไปยังจุดสูงสุดแดนสยาม แวะพักกันซักหน่อย

เป็นความสวยงามไปอีกแบบที่ต้นไม้จะมีต้นไม้เล็กเกาะอยู่คล้ายกาฝาก แสดงถึงความชุ่มชื้นและสมบูรณ์ของป่าสูง นอกจากนี้ยังมีจุดที่อยากแนะนำให้เดินท่องเที่ยว คือ เส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา และ เส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน โดยมีลิงค์ของบล๊อกที่เคยไปเที่ยวมาฝากกัน

เป็นความอัศจรรย์ที่จุดนี่้ ยังมองเห็นเส้นขอบฟ้าได้ชัดเจน

ถึงช่วงเกือบ 6 โมงเย็น ก็ได้เวลาขับรถกลับแล้ว ผ่านมาถึงบริเวณลานจอด มองเห็นท้องฟ้าและแสงสุดท้ายของวันนี้ที่สวยมาก

เป็นความรู้สึกถึงความอัศจรรย์ในวันนี้ เพราะเคยเดินทางมาหลายครั้ง อีกทั้งกลับในช่วงเวลาเดียวกันนี้ ก็ไม่เจอภาพแบบนี้

มองเห็นเทือกเขาสลับซับซ้อน แต่ถูกแสงสีทองสาดส่อง มองดูแปลกตา

เป็นความสุขและความอัศจรรย์ที่สัมผัสได้ในเมืองไทยของเราเอง เพียงปีละหนึ่งวันที่มายังดอยอินทนนท์ และจะหาโอกาสกลับมาอีกในปีต่อๆ ไปอย่างแน่นอน