ในช่วงอากาศหนาวๆ ตั้งแต่ปลายปี ลากยาวถึงต้นปีแบบนี้ เราจะได้รับข่าวสารจากสื่อต่างๆ รวมไปถึงโซเชียลเน็ตเวิร์คเกี่ยวกับ ดอกนางพญาเสือโคร่งบานที่โน่นที่นี่ กลายเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวได้อีกทางหนึ่ง
รวมถึงสถานที่แห่งนี้ คือ โครงการอนุรักษ์พันธุ์กล้วยไม้รองเท้านารี ตามพระราชดำริ ในพื้นที่ภาคเหนือ (ดอยอินทนนท์) ซึ่งไม่ได้มีเพียงแต่กล้วยไม้ให้ชมความงาม แต่ทว่ายังมีต้นนางพญาเสือโคร่งอยู่จำนวนมากอีกด้วย
ซึ่งบล๊อกเกอร์ได้วางแผนการเดินทางมาท่องเที่ยวดอยอินทนนท์อย่างน้อยปีละครั้งในช่วงหนาว ต่อเนื่องมากกว่า 5 ปี และก่อนหน้าการเดินทางช่วงกลางเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ก็ลองค้นหาข้อมูลของดอกนางพญาเสือโคร่งบนดอยอินทนนท์ จึงได้รู้จักกับสถานที่แห่งนี้ และบันทึกไว้ในแผนการท่องเที่ยว
ด้วยความไม่มั่นใจว่าจะได้ชมช่วงดอกบานหรือไม่ เพราะเดินทางมาในวันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2557 ซึ่งมักจะบานในช่วงต้นถึงกลางเดือนมกราคมของทุกปี
แต่เมื่อขับรถมาถึง กม. 31 บนเส้นทางสู่ยอดดอยอินทนนท์แล้วเลี้ยวขวามาเส้นทางไปยังขุนวางระยะทางอีกราว 8 กิโลเมตร ซึ่งเป็นถนนลาดยางอย่างดี ไม่นานนักก็มองเห็นต้นไม้สีชมพูเรียงรายเป็นทิวแถว
ด้วยความดีใจว่า ปีนี้ได้ชมดอกพญาเสือโคร่ง (Wild Himalayan Cherry) ที่กำลังอวดโชว์ความงามอยู่ตรงหน้า
เป็นพืชดอกในสกุล Prunus ที่มีถิ่นกำเนิดในเอเชียทางตอนใต้ ตั้งแต่ประเทศไทยไปจนถึงเทือกเขาหิมาลัยในประเทศอินเดีย จะออกดอกช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ พบทั่วไปบนภูเขาตั้งแต่ความสูง 1,200-2,400 เมตรจากระดับน้ำทะเล
นางพญาเสือโคร่ง ถูกนิยมเรียกว่า"ซากุระเมืองไทย" เพราะมีลักษณะคล้ายซากุระในประเทศญี่ปุ่น แม้ว่าจะเป็นคนละชนิดกันก็ตาม โดยซากุระถูกจำแนกเป็น Cherry blossom หมายถึง Prunus ที่มีถิ่นกำเนิดในเอเชียทางตอนเหนือ ตั้งแต่ประเทศจีน, เกาหลี ไปจนถึงประเทศญี่ปุ่น และรัสเซียในเขตไซบีเรีย
นอกจากนี้ ยังมีพรรณไม้ดอกไม้ประดับอื่นๆ รอบโครงการ ซึ่งบรรยากาศหนาวเย็น อากาศสดชื่น สูดได้เต็มปอด
มาท่องเที่ยวในช่วงก่อนเทศกาลปีใหม่ จึงมีนักท่องเที่ยวบางตา เดินถ่ายภาพได้โดยสะดวก
เดินหามุมในการถ่ายภาพ เพื่อให้เห็นสีชมพูของต้นนางพญาเสือโคร่ง สะท้อนกับผิวน้ำที่นิ่งราวกับกระจกเงา โดยมีเมฆหมอกหนาเป็นฉากหลังอยู่ไกลๆ
ตัดสินใจปิคนิคอาหารเหนือ โดยทานอาหารกลางวันตรงนี้แล้วกัน บรรยากาศแบบนี้เหมือนกำลังปิคนิคใต้ต้นซากุระในเทศกาลฮานามิ (Hanami) ซึ่งเป็นเทศกาลชมดอกไม้ของชาวญี่ปุ่น แถมยังมีเจ้าตูบขี้อ้อน มาร่วมโต๊ะอาหาร
หลังจากอิ่มแล้ว เจ้าตูบก็ตอบแทนด้วยการเป็นนายแบบให้ซะเลย
มองเห็นดอกสีชมพูเป็นฉากหลังไกลๆ
ไม่เพียงแต่สถานที่แห่งนี้ที่มีต้นนางพญาเสือโคร่ง ยังมีสถานที่อื่นๆ มากมาย เช่น ภูลมโล จังหวัดเลย, ดอยแม่สลอง จังหวัดเชียงราย, ดอยเวียงแหง ดอยอ่างขาง ขุนช่างเคี่ยน ขุนแม่ยะ จังหวัดเชียงใหม่, ขุนสถาน ดอยวาว ดอยภูคา มณีพฤกษ์ จังหวัดน่าน , ภูทับเบิก ภูหินร่องกล้า จังหวัดพิษณุโลก เป็นต้น
และเป็นที่น่ายินดีที่สถานที่แห่งนี้มีการขยายพันธุ์ โดยมีเตรียมต้นกล้าจำนวนมาก เพื่อปลูกเพิ่มเติมไปเรื่อยๆ ซึ่งได้ข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ฯ
ไม่เพียงแต่คนไทยที่มีความสุขในการเที่ยวชมความงาม สังเกตว่ามีชาวต่างประเทศที่มาท่องเที่ยวอีกด้วย ซึ่งถ้าปัจจุบันมีการแชร์ในสังคมออนไลน์ต่างๆ ก็จะเป็นการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวเมืองไทยได้อีกทางหนึ่งที่สำคัญ
แต่ความจริงแล้วสถานที่แห่งนี้มีความสำคัญในการอนุรักษ์พันธุ์กล้วยไม้รองเท้านารี
ซึ่งมีอยู่จำนวนมากมายลักษณะพุ่ม และเพิ่งจะได้เคยเห็นดอกจำนวนมากเช่นนี้ ซึ่งมักจะเห็นอยู่ในกระถางและมีเพียงดอกเดียวเป็นส่วนใหญ่
เดินต่อมาชมในอีกมุมของศูนย์แห่งนี้ทางด้านหลัง ยังพบกับต้นนางพญาเสือโคร่งอีกจำนวนมากที่กำลังผลิดอกสวย
ที่สำคัญ คือ ได้พบกับนกสีสวยที่กำลังดูดน้ำหวานจากดอกไม้
ด้วยความเสียดายที่ไม่มีเลนส์ช่วงยาวแบบเทเล เพื่อบันทึกภาพนกได้อย่างใกล้ชิด
ได้ยินเสียงนกร้อง และลมหนาวแผ่วเบา พัดเย็นตลอดเวลา
เลือกวิธีครอปภาพให้ดูภาพนกได้ใหญ่ขึ้น เริ่มติดใจอยากถ่ายภาพนกขึ้นมาทันที แต่คงต้องมีอุปกรณ์ที่เหมาะสมมากกว่านี้ ซึ่งจากภาพใช้เลนส์ช่วงสั้น
เพิ่งได้เห็นนกสีสันสวยๆ แปลกตาหลากหลายที่ดอยอินทนนท์แห่งนี้ ทั้งที่เคยได้ยินมาว่าเป็นแหล่งที่ส่องนกได้หลายหลายชนิด
ชื่นชอบสถานที่แห่งนี้ ในการปลูกกล้วยไม้ที่ปล่อยวางตามธรรมชาติ
หากใครชอบถ่ายภาพดอกไม้ น่าจะถูกใจอย่างแน่นอน
เดินลัดเลาะไปทางริมสระน้ำขนาดใหญ่ของโครงการ เพื่อเก็บภาพบรรยากาศหลากหลายมุม
ต้นไม้สีชมพู ตัดกับต้นไม้ที่กำลังเปลี่ยนสีอยู่พอดี
มีช่วงมืดครึ้ม สลับกับช่วงสว่างบ้าง ช่วยให้ถ่ายภาพได้อย่างชัดเจน สดใสยิ่งขึ้น
ด้วยเพราะเมฆที่คอยซ่อนดวงอาทิตย์ไว้นั่นเอง
แต่พอแดดออกเต็มที่ และมาพร้อมกับฟ้าใสสีคราม ช่วยเพิ่มความงามของสีชมพูของดอกนางพญาเสือโคร่งได้อย่างดีเยี่ยม
ได้ยินเสียงนกร้อง จิ๊บ จิ๊บ ก็พยายามมองหาและบันทึกภาพไว้
เห็นภาพแบบนี้ อยากบอกว่า นี่มัน "ซากุระ" ชัดๆ
สวยประทับใจจริงๆ
เห็นแบบนี้ ยิ่งอยากเชิญชวนให้ช่วยกันท่องเที่ยวเมืองไทยมากๆ เป็นการช่วยให้เศรษฐกิจไทยคึกคักได้อีกด้วย
อีกทั้งอยากให้มีการขยายการปลูกไปหลายๆ แห่ง โดยเฉพาะพื้นที่สูงของภาคเหนือและภาคอีสาน
เห็นภาพแบบนี้แล้วได้เห็นเสน่ห์ของพันธุ์ไม้ชนิดนี้ กลีบดอกที่ดูบอบบาง แต่กลับแข็งแกร่งต้านแรงลม ซึ่งต่างจากดอกซากุระที่จะร่วงปลิวเป็นสาย ยามเมื่อโดนลมพัดผ่าน
และในปีต่อๆ ไปที่มาท่องเที่ยวยังดอยอินทนนท์ ก็จะไม่พลาดแวะเข้ามาเที่ยวชมสถานที่แห่งนี้อีกอย่างแน่นอน และตั้งใจจะขับต่อไปยัง ขุนวาง ซึ่งได้ข่าวว่ามีต้นนางพญาเสือขาวที่ออกดอกเป็นสีขาวทั้งต้น พบกันใหม่ปลายปีนี้