เมื่อคืนนี้พวกเรานอนพักกันที่โรงแรมในเมืองนิงห์บิงห์ (Ninh Binh) แห่งนี้ ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวทางตอนใต้ของเมืองฮานอย และต้องตื่นกันแต่เช้าเพื่อมาลงเรือกัน โดยจะพาล่องเรือพายในทุ่งนาข้าว ... อย่าเพิ่งแปลกใจว่า "ทุ่งนาข้าว" แล้วมันจะสวยแปลกตรงไหน ... ตามมา เดี๋ยวจัดให้
พวกเราจะลงเรือพายที่เห็นอยู่นี้ โดยลำละสองคน โดยมีฝีพายอีก 2 คน รวมลำละ 4 คน ซึ่งเช้านี้อากาศหนาว พอกับอากาศชานเมืองกรุงเทพฯ ช่วงนี้ คือประมาณไม่ถึง 20 องศา บวกกับลมพัดแรงตลอดเวลาทำให้หนาวมาก ... ซึ่งท่าเรือแห่งนี้มีชื่อว่า "ตามก๊ก" (Tam Coc) ซึ่งมีความหมายว่า "ถ้ำสามแห่ง" และเราจะล่องเรือผ่านด้วยในเช้านี้
มองไปข้างหน้า จะเห็นภูเขาสูงใหญ่ ซึ่งน่าตื่นเต้นที่จะล่องเรือพาย ผ่านเข้าไปโดยใช้เวลาไป-กลับกว่า 2 ชั่วโมง ซึ่งได้เห็นบรรยากาศขุนเขา สายน้ำ และวิถีชีวิตโดยรอบ
สถานที่แห่งนี้ คนไทยจะรู้จักกันในนามว่า "ฮาลองบก" ซึ่งได้พาไปเที่ยว "ฮาลองเบย์" ในทะเลมาแล้ว แต่ "ฮาลองบก" จะอยู่บนบก ซึ่งใต้พื้นน้ำที่เห็นนี้ในช่วงหน้าแล้ง ก็คือ "นาข้าว" นั่นเอง ... มองเห็นวัวเดินผ่านมา สีสวยงามยังกับ "วัวแดง" มีเขาแหลมอีกต่างหาก
มีเรือที่ชาวเวียดนามพายขนานไปข้างๆ บ้างก็เป็นเรือของตากล้อง ที่เขาจะมาถ่ายภาพนักท่องเที่ยว พร้อมทั้งพิมพ์ใส่กระดาษ เพื่อจำหน่ายให้ผู้ที่อยากได้ในขากลับขึ้นฝั่ง ... ชอบหมวกดูยังกับทหารสมัยก่อน
มองไปอีกด้านนึง ... โอ้แม่เจ้า! มือไม่พาย เอาเท้าพายแทน
กลั้นเสียงหัวเราะไม่ได้เลยพอเห็นแบบนี้ ก็ดูแปลกและถือเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของวิถีชีวิตชาวเรือ
ยิ่งล่องผ่านเข้าไป ยิ่งมองเห็นความยิ่งใหญ่ของขุนเขา
ฝีพายชี้ให้มองไปบนยอดเขา ซึ่งมีเก๋งจีนและมังกรตัวยาว และเมืองนิงห์บิงห์แห่งนี้มีประวัติความเป็นมาที่สำคัญในช่วงสงครามกับฝรั่งเศสในปี ค.ศ. 1884
ต้องขอชื่นชมในเรื่องความสะอาดของสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้ น้ำใสมากมองเห็นบริเวณพื้นข้างล่าง และมีสาหร่ายหางกระรอกที่เติบโตสวยงาม ชูดอกเต็มไปทั่วพื้นน้ำ แต่ชาวบ้านก็ต้องพายเรือ เพื่อถางบางส่วนบริเวณเส้นทางสัญจรออก ให้เรือผ่านได้โดยสะดวก
ไม่นานนัก เราก็มาถึงถ้ำแห่งแรก ซึ่งดูสภาพแล้วหินย้อยลงมาต่ำพอดู แล้วเราจะผ่านไปได้มั้ยเนี่ย! ... บริเวณฮาลองบกแห่งนี้ มีถ้ำอยู่จำนวน 3 แห่งด้วยกันที่ต้องนั่งเรือลอดผ่าน โดยแต่ละถ้ำมีความยาวของถ้ำ 127, 70 และ 40 เมตร
สภาพภายในถ้ำมืดมาก ดีที่ระยะทางไม่ยาวนัก และเมื่อออกมานอกถ้ำ ก็เหมือนหลุดออกมาอีกโลก โดยมีภูเขาขนาดใหญ่ล้อมรอบ และต้องโต้ลมหนาวกันต่ออีก ชอบมาก
แต่ก็เพลิดเพลินในการบันทึกภาพความประทับใจไว้ไปฝากกัน หรือจะนำกลับมาดูซ้ำอีกก็ไม่เบื่อ
รู้แล้วว่าทำไมฝีพายจึงใช้เท้าพาย เพราะมือไม่ว่าง ต้องถือโทรศัพท์นั่นเอง ... ต้องออกกฏหมายจราจร "พายไม่โทร"
น่าเห็นใจคนพาย สภาพเริ่มอ่อนแรง ยังไม่หมดแค่นี้ ไว้ตอนต่อไปจะนำภาพประทับใจใน "ฮาลองบก" มาฝากต่ออีกหนึ่งตอน มาติดตามชมต่อเร็วๆ นี้ และอยากให้ผู้ที่มาเที่ยวเวียดนามเหนือ อย่าพลาดโปรแกรมนี้เชียว เพราะปกติแล้วมักจะไม่มีอยู่ในโปรแกรมทัวร์มาตรฐาน และควรสอบถามจากบริษัททัวร์
กล้อง : Canon PowerShot A620