หากมาเที่ยวเมืองฮานอย มีโปรแกรมที่ไม่น่าพลาด คือ เข้าชมการแสดง "หุ่นกระบอกน้ำ" ของชาวเวียดนาม ที่โรงละคร Thang Long ริมทะเลสาบฮว่านเกี๋ยม บนถนนดิงห์เตียมฮว่าง ซึ่งจัดแสดงที่นี่เพียงแห่งเดียวในประเทศ
การแสดงหุ่นกระบอกน้ำ โดยใช้ผู้เชิดอยู่หลังมู่ลี่ไม้ไผ่ที่มีการพรางไว้ ตัวหุ่นเชิดจะอยู่ที่ปลายไม้ที่ยาวพอที่จะยื่นออกมานอกฉากที่ผู้เชิดบังคับ มีกลไกบังคับมือหรืออวัยวะของหุ่นที่ทำจากไม้ฉำฉาที่เบาและพยุงน้ำหนักเมื่ออยู่ในน้ำ และการเชิดต้องไม่ให้เห็นไม้บังคับหุ่น จึงทำให้ดูเหมือนหุ่นมีลีลาของตนเอง
ข้างๆ เวทีจะมีนักดนตรีคอยบรรเลงเพลงประกอบการแสดง
มีการใช้เอฟเฟกซ์ต่างๆ สร้างความน่าสนใจจากหุ่นที่กำลังเชิดเหนือผิวน้ำ
มีการแสดงรวม 17 ชุด แต่ละชุดมักจะแสดงถึงวิถีชีวิตของชาวเวียดนาม และมีการแฝงการละเล่น โดยไม่ต้องมีการบรรยาย แต่เมื่อดูการแสดงก็พอเข้าใจได้ แถมยังมีมุกตลกเรียกเสียงหัวเราะจากผู้ชมได้อีกด้วย
เมื่อชมการแสดงเสร็จ เดินออกจากโรงละครแล้ว ก็ได้เวลาเดินช๊อปปิ้ง มีสินค้าที่ระลึกต่างๆ มีทั้งร้านค้าของชาวบ้าน และร้านค้าของทางรัฐบาล
เพราะย่านนี้จะเรียกว่า "ถนนสามสิบหกสาย" ซึ่งถือว่าอยู่ใจกลางเมือง โดยเป็นแหล่งช๊อปปิ้ง และถนนแต่ละสายจะขายของที่แตกต่างกัน
ขอเลือกเดินตรงเข้าย่านตลาดสด มีสินค้าอุปโภคบริโภคเพียบ และตั้งใจจะเดินหาซื้อกาแฟ ยี่ห้อ "จุงเหวี่ยน" (Trung Nguyen) ที่เลื่องชื่อในความหอมกรุ่น โดยเลือกซื้อทั้งแบบกาแฟบดในซองสวยงาม พร้อมที่กรองกาแฟแบบเวียดนาม และแบบ 3-in-1 มาแบบยกกล่อง เพื่อลองชิมและเป็นของฝาก ... กลับมาลองชงแบบกาแฟร้อนแล้ว รู้สึกว่ากลิ่นหอมมาก แต่แทบจะไม่ได้รสของคาเฟอีนเลย พอเปลี่ยนมาลองชงแบบโอเลี้ยงแล้วใส่นมสด ต้องบอกว่า ใช่เลย! กลิ่นหอมและอร่อยมาก
เดินไป เก็บภาพบรรยากาศแบบเวียดนามไป เคยดูในทีวีหลายๆ ครั้ง เลยขอตามเก็บภาพแบบนี้เองบ้าง
รวมไปถึงหนุ่มสาวนั่งทานอะไรข้างๆ ทางเดิน
ส่วนภาพนี้เด็ดมาก นึกว่าจะไม่ได้เห็นซะแล้ว คือ "ลมโชยบาร์เบอร์" เคยดูจากทีวี แต่ยังไงก็คงไม่กล้าลองตัดจากร้านสไตล์นี้แน่นอน
หากมาเที่ยวฮานอย ต้องวัดใจโดยเดินข้ามถนน ท่ามกลางมอเตอร์ไซด์ หลักการง่ายๆ คือ เดินหน้าอย่างเดียว เดี๋ยวรถเขาหักหลบเราเอง อย่าเดินเก้ๆ กังๆ อาจโดนรถเฉี่ยวได้ครับ หากไม่กล้าข้าม มีหวังไม่ได้กลับกรุงเทพฯ เพราะมีรถวิ่งแบบนี้ตลอดเวลา แต่พอข้ามได้แล้ว เริ่มจะมั่นใจ ไม่กลัวแล้วคราวต่อไป
พอเดินกลับมาถึงจุดนัดพบหน้าโรงละครหุ่นกระบอกน้ำ เพื่อนๆ แต่ละคนได้กระเป๋าแบ๊คแพ๊ค (Back Pack) กันคนละใบ สนนราคา 400 บาท
ได้เวลาขึ้นรถไปเพื่อไปรับประทานอาหารบุฟเฟต์มื้อค่ำสุดอลังการ นั่งรถไปก็อดไม่ได้ที่จะบันทึกภาพข้างทางไปด้วย ... เจ้าเชาเชาขนฟู
ไม่นานนักเราก็มาถึงร้านอาหารกันแล้ว ... ลุยเลย
ได้เลือกทานทั้งอาหารเวียดนาม และอาหารที่แปลกๆ ที่ไม่รู้จักมาก่อน ชิมไป แต่ไม่บ่นไป เพราะอร่อยมาก
โดยเฉพาะเมนู "ปลาทอดร้อนๆ เสริฟพร้อมผักสดพร้อมเส้นหมี่และน้ำซุปขลุกขลิก" ดังภาพ อร่อยมากๆ และกำลังเป็นเมนูที่กำลังโปรโมทในตอนนี้ของการท่องเที่ยวของประเทศเวียดนามอยู่พอดี พวกเราอิ่มหนำสำราญพุงกาง ก็รีบเดินทางต่อไปยังสนามบินเพื่อเดินทางกลับ และมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิในเวลาเกือบ 5 ทุ่ม ซึ่งโชคดีมากที่กลับมาก่อนเที่ยงคืน เพราะหลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมง สนามบินก็ถูกปิดโดยม๊อบสีเหลือง ... ไว้พบกันใหม่ทริปต่อไป
กล้อง : Canon PowerShot A620